Anemia โลหิตจาง

Anemia โลหิตจาง

Anemia โลหิตจางหรือภาวะซีดคืออะไร

ภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบินในเลือดน้อยกว่าปกติ ฮีโมโกลบินเป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้เซลล์และอวัยวะได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หายใจลำบาก มีภาวะซีด ตัวเหลือง และส่งผลต่อการทำงานของสมอง โลหิตจางรุนแรงอาจทำให้หัวใจล้มเหลว หมดสติ และเสียชีวิต ผู้ที่สงสัยว่าอาจมีภาวะโรคนี้ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างเป็นระบบ

สาเหตุ

โรคนี้มีสาเหตุเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1. การสร้างเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบิลในร่างกายลดลง โดยมีสาเหตุจาก
• การขาดสารอาหาร (Lack of nutrients) ที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น       ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 วิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิก (โฟเลต) ซึ่งพบบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ 
• การตั้งครรภ์ (Pregnancy) ผู้ที่ตั้งครรภ์จะมีปริมาตรน้ำเหลืองในเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีภาวะโรคนี้
• โรคเรื้อรัง (Chronic diseases) ที่ส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น มะเร็ง โรคตับ ไตวายเรื้อรัง โรคระบบภูมิคุ้มกัน การติดเชื้อ HIV โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ที่ส่งผลต่อการทำงานของไขกระดูก และทำให้การสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง
• โรคในไขกระดูก (Bone marrow diseases) เช่น มะเร็งในระบบเลือดที่กดการทำงานและการสร้างเม็ดเลือดแดง ได้แก่ มะเร็งไขกระดูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ โรคไขกระดูกเสื่อม หรือการติดเชื้อในไขกระดูก
 
2. การทําลายเม็ดเลือดแดงมากขึ้น
• โรคโลหิตจางกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) โรคขาดเอนไซน์ G-6-PD
• โรคภูมิต้านทานทําลายเม็ดเลือดแดงตนเอง
• การติดเชื้อบางเชื้อ เช่น มาลาเลีย

3. การสูญเสียเลือด
• อุบัติเหตุเฉียบพลัน
• เสียเลือดปริมาณมากทางประจำเดือน อาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หรือมดลูก เช่น เนื้องอกในมดลูก ซึ่งขัดขวางการบีบตัวหยุดเลือดเป็นต้น 
• เสียเลือดในทางเดินอาหาร โดยอาจพบอาการผิดปกติเช่น ถ่ายดำ สาเหตุอาจเกิดจากโครงสร้างที่ผิดปกติของลำไส้ การมีก้อนเนื้องอก หรือการมีพยาธิ เป็นต้น

อาการ

อาการของภาวะขึ้นอยู่กับสาเหตุและการดำเนินโรค ผู้ที่มีภาวะในระยะแรกเริ่มอาจไม่มีอาการใด ๆ หรือมีอาการเล็กน้อย แล้วจึงค่อย ๆ มีอาการมากขึ้นไปจนถึงขั้นมีอาการรุนแรง ทั้งนี้ ภาวะที่เกิดจากโรคบางโรคอาจแสดงออกซึ่งอาการของโรคชนิดนั้นแทน ทำให้ผู้ที่มีภาวะไม่ทราบว่าตนมีภาวะนี้ โดยแพทย์มักยืนยันผลการตรวจภาวะได้เมื่อเข้ารับการตรวจความสมบูรณ์ของเลือดแล้วเท่านั้น โดยภาวะมีสัญญาณ และอาการดังต่อไปนี้

หายใจไม่อิ่ม (Dyspnea, shortness of breath) หายใจลำบาก  ไม่สามารถสูดอาการหายใจเข้าไปลึก ๆ ได้
• วิงเวียนศีรษะ (Dizziness, lightheadedness) มึนงง รู้สึกได้ถึงการยืน หรือการเดินที่ไม่มั่นคง
• อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า (Tiredness, weakness) รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนล้า อ่อนแรง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้ออกแรงไม่มาก
ปวดหัว (Headache) มีสาเหตุจากการขาดธาตุเหล็ก หรือฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงต่ำอาจทำให้ปวดหัว
• มือเท้าเย็น (Cold hands and feet) มีอาการมือเท้าเย็น ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนโลหิตบริเวณมือและเท้าลดลง
• เป็นลมหมดสติ (Fainting, syncope) เนื่องจากการขาดเม็ดเลือดแดงที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
• หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia, irregular heartbeat) ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นคร่อมจังหวะ
• เสียงอื้อในหู (Pulsatile tinnitus) ได้ยินเสียงอื้อในหู หรือเสียงวี๊ดคล้ายเสียงจักจั่นร้องดังรบกวนในหูข้างใดข้างหนึ่งสลับไปมา 
• ภาวะซีด ตัวเหลือง (Pale or yellowish skin) มีภาวะซีด ตัวเหลืองตาเหลือง หรือดีซ่าน ซึ่งเป็นอาการเด่นของภาวะ
เจ็บหน้าอก (Chest pain) รู้สึกเหมือนโดนกดทับที่หน้าอกหรือโดนบีบที่หน้าอก ทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก

ภาวะแทรกซ้อน เป็นอย่างไร?

ภาวะโรคที่ไม่ได้รับการรักษาในระยะแรกเริ่มอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนตามระยะเวลาการดำเนินโรค ภาวะแทรกซ้อนได้แก่

• อาการเหนื่อยล้ารุนแรง (Severe tiredness)
• การคลอดก่อนกำหนด (Premature birth)
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
• ภาวะหัวใจโต (Enlarged heart)
• ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart failure)
• เสียชีวิต (Death)

การป้องกัน มีวิธีการอย่างไร?

• ผู้ที่มีภาวะโรคนี้จากโรคเลือดทางพันธุกรรม โรคระบบภูมิคุ้มกัน หรือโรคในไขกระดูกควรพบแพทย์เพื่อรับรักษาแต่เนิ่น ๆ
• ผู้ที่มีภาวะโรคนี้จากการขาดสารอาหารควรทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก โฟเลต วิตามินบี 12 และวิตามินซี
• ผู้ที่มีภาวะโรคนี้จากทุกสาเหตุ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
• ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้จนทำให้มีเลือดออกภายในอวัยวะได้
• ผู้ที่อุจจาระมีสีดำ อุจจาระมีเลือดปน มีจุดเลือดออกเป็นจ้ำ ๆ ตามตัว ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ
• ผู้ที่หมดประจำเดือนไปแล้วแต่มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ

ผลิตภัณฑ์แนะนำ

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top