Cervical disc degeneration โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

Cervical disc degeneration โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

Cervical disc degeneration โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

อาการปวดคอ ปวดต้นคอ จากโรคกระดูกคอเสื่อม หลายคนอาจเข้าใจว่าเกิดจากความเสื่อมตามวัย และเกิดในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วในปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคกระดูกคอเสื่อมในช่วงอายุที่น้อยลงมากขึ้น โดยเฉพาะวัยทำงาน โดยมีสาเหตุมาจากการใช้งานคอผิดท่าเป็นเวลานาน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การเล่นสมาร์ทโฟน การก้ม แหงน หรือสะบัดคอแรงๆ บ่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้กระดูกคอเสื่อมเร็วขึ้นได้ โดยเริ่มแรกกระดูกคอเสื่อมอาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หากมีอาการปวดที่รุนแรง ปวดคอร้าวลงแขน ลงบ่า สะบัก มีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย ถือว่าเป็นอาการ-ปวดคอที่อันตราย

สาเหตุของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในภาวะที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือภาวะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ ในส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุก็ตรงไปตรงมา มีการบาดเจ็บและทำให้หมอนรองกระดูกบริเวณต้นคอมีการเคลื่อนหรือกดทับไม่ว่าจะเป็นไขสันหลังหรือเส้นประสาท สำหรับกลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุที่พบได้บ่อย ๆ คือกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเรื่องของการใช้คอ ใช้กล้ามเนื้อแผ่นหลังที่ผิดลักษณะ เช่น การนั่งเล่นไอแพดนาน ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ

อาการกระดูกคอเสื่อมระดับไหนอันตราย

โรคกระดูกคอเสื่อม หากมีอาการและปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดความรุนแรงของโรคและจะลุกลามจนกระทั่งเดินไม่ได้เลยทีเดียว โรคกระดูกคอเสื่อมแบ่งออกเป็น 3 ระดับอาการ ดังนี้
– กระดูกคอเสื่อมแต่ไม่กดทับเส้นประสาทและไขสันหลัง จะมีอาการปวดเมื่อยบริเวณต้นคอ บ่าและไหล่
– กระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทคอ จะมีอาการปวดร้าวไปตามบริเวณที่เส้นประสาทถูกกด อาการนี้มักจะเป็นๆ หายๆ แบบเรื้อรัง ร่วมกับอาการชาและอ่อนแรงบริเวณกล้ามเนื้อต้นแขนหรือมือ รวมทั้งปวดร้าวจากคอลงไปที่แขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วโป้งและนิ้วชี้
– กระดูกคอเสื่อมกดทับไขสันหลัง จะมีอาการปวดเกร็งบริเวณลำตัว แขนและขา ปวดหลังคอร้าวไปด้านหลังของไหล่ ไปหลังแขนตรงกล้ามเนื้อเหยียดแขน และอาจปวดร้าวไปถึงด้านหลังของแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วกลาง ก้าวขาได้สั้นลง การทรงและการใช้งานมือลำบาก

ปวดคอแบบไหนควรรีบมาพบแพทย์

ถึงแม้ว่าอาการปวดอาจต้องใช้เวลากว่าอาการจะทุเลาลง แต่บางครั้งก็อาจมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าควรรีบพบแพทย์ทันที ได้แก่
– อาการปวดไม่ทุเลาลงภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการมากขึ้นจนไม่สามารถทนได้จนรบกวนกิจวัติประจำวัน (ลุก นั่ง ยืน เดิน)
– มีอาการปวดรุนแรง ปวดรุนแรงแบบฉับพลัน แบบไม่ปกติ
– อาการปวดไม่หายขาดมานานกว่า 3 เดือน
– อาการปวดคอร่วมกับ อาการปวดร้าวลงแขน แขนชาหรืออ่อนแรง
– มีปัญหาในการเดิน เช่น ทรงตัวได้ไม่ดี เดินลำบาก ขาเกร็งแข็ง
– มีปัญหาในการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ

จะทำอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคนี้

          ก่อนอื่นต้องบอกว่า ความเสื่อมเป็นไปตามอายุ  เราทุกคนมีความเสื่อม แต่หมอนรองกระดูกคอเสื่อม ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ  ผู้ที่มีอาการปวดจากกระดูกคอเสื่อม มักจะเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อยู่ในท่าเดิม นาน ๆ อาการเริ่มแรก อาจจะมีแค่อาการปวดในบริเวณคออย่างเดียว ถ้ามีอาการมากขึ้น อาจมีอาการร้าวไปที่ไหล่ หรือลงไปที่แขนร่วมกับ มีอาการ ชาอ่อนแรงได้
          คำแนะนำง่าย ๆ เพียงแค่ปรับลักษณะการใช้งาน  ใครที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือก้มหน้าใช้มือถืออยู่นาน ๆ  ก็ควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน โดยปกติภาวะโรคหมอนรองกระดูกคอ-เสื่อมนี้ พบได้ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี แต่คนหนุ่มสาวก็พบได้จากการใช้งานที่ผิดสุขลักษณะ
          สำหรับการรักษา จะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกับการรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด บางรายหากมีอาการจากการกดทับเส้นประสาท เช่น ปวดร้าวลงแขน ใช้งานมืลำบาก อ่อนแรง เดินเซ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและให้การรักษา
          โรคนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคยอดฮิตของคนยุคนี้  เรามีวิธีป้องกันและลดความเสี่ยงได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่นั่งและอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกิน 1 ชั่วโมง  และหมั่นทำท่ากายบริหารคอ เพื่อลดอาการปวดจากหมอนรองกระดูกคอเสื่อม 
การบริหารกล้ามเนื้อคอให้แข็งแรง สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยมือของเราเองประมาณ 10 วินาทีในแต่ละท่า ดังนี้
          1. ใช้มือต้านบริเวณศีรษะทั้งด้านข้างซ้ายหรือขวา เกร็งต้านไว้ประมาณ 10 วินาที
          2. ใช้มือดันบริเวณท้ายทอย เกร็งศีรษะพยายามเงยขึ้น และใช้มือของเราพยายามต้านไว้
          3. ใช้มือดันบริเวณหน้าผาก และพยายามก้มหน้าลง เกร็งศีรษะต้านเอาไว้

แนวทางการรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

การรักษาในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ทันสมัยและช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ วินิจฉัยได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น การรักษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
– กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่อาการไม่รุนแรงมากนัก สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยการทานยา และทำกายภาพบำบัด
– กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ทานยาแล้วไม่ดีขึ้นทำอย่างไรก็ไม่หาย กลุ่มนี้จะมีนวัตกรรมการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ที่เข้ามาช่วยในการรักษา เช่น การรักษาโดยผ่านคลื่นความร้อน หรือการฉีดยาเข้าไปเหนือเส้นประสาทที่บริเวณคอ

เอ็นดี (ปวดเมื่อย) ตรา คุณสัมฤทธิ์

400.00 บาท740.00 บาท
Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top