Dysentery โรคบิด
เป็นโรคติดเชื้อในลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดการ อักเสบของเยื่อบุลำไส้ มีอาการเด่นคือ ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือมูกปนเลือด ร่วมกับ ปวดเบ่งหรือปวดท้องบิด เป็นๆ หายๆ
อาการของโรคบิด
อาการแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ
1. บิดมีตัว (Amoebic dysentery)
เกิดจากเชื้อ อะมีบา (Entamoeba histolytica)
– ถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด (สีคล้ำ)
– ปวดท้องบิดบริเวณท้องน้อยซ้าย
– ปวดเบ่ง (รู้สึกอยากถ่ายตลอดเวลาแต่ถ่ายไม่ออก)
– ไข้ต่ำหรือไม่มีไข้
– บางรายมีอาการเรื้อรัง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร
2. บิดไม่มีตัว (Bacillary dysentery)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น Shigella spp.
– ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด (สีแดงสด)
– ปวดท้อง ปวดเบ่งอย่างรุนแรง
– มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย
– อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
อาการแทรกซ้อนที่ควรระวัง
– ภาวะขาดน้ำจากการถ่ายบ่อย
– ภาวะช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด (ในกรณีรุนแรง)
– ฝีในตับ (กรณีบิดมีตัวที่ลุกลาม)
การรักษา
– ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
– กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย พักผ่อนให้เพียงพอ
– ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อเฉพาะโรคตามสาเหตุ เช่น
– Metronidazole (บิดมีตัว)
– Ciprofloxacin, Norfloxacin (บิดไม่มีตัว)
– ห้ามซื้อยากินเองโดยไม่พบแพทย์ เพราะต้องวินิจฉัยชนิดของเชื้อก่อน
การป้องกัน
– ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
– ดื่มน้ำสะอาดต้มสุก
– หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารริมทางที่ไม่สะอาด
– กำจัดสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขลักษณะ




