Genital warts หูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่ (Genital warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ชนิดที่ทำให้เกิดหูด หรือติ่งเนื้อขรุขระคล้ายหงอนไก่ขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ขาหนีบ หรือทวารหนัก ทำให้รู้สึกคัน แสบร้อน หรือมีตกขาว หูดหงอนไก่เป็นโรคที่เจริญเติบโตได้ดีในที่อับชื้น ทำให้เกิดรอยโรค (lesion) หรือเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้แต่เชื้อ HPV จะคงอยู่ในร่างกายตลอดไป หูดหงอนไก่สามารถป้องกันได้โดยรับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV (HPV vaccine)
สาเหตุของหูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่ (Genital warts, Condyloma acuminata) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilloma virus: HPV) ที่มีจำนวนกว่า 40 สายพันธุ์ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อบุผนังภายในของผู้ที่เป็นโรคนี้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ หรือจากแม่สู่ลูกผ่านการคลอดแบบธรรมชาติ การติดเชื้อทำให้เนื้อเยื่อเสียหายและเกิดรอยโรคซึ่งเป็นลักษณะของความผิดปกติที่แสดงออกทางผิวหนัง โดยไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ 6 และสายพันธุ์ที่ 11 เป็นสายพันธุ์หลักที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ที่บริเวณผิวหนังและเยื่อบุผิวภายในร่างกาย โดยธรรมชาติ เชื้อ HPV ชนิดที่ก่อให้เกิดหูดหงอนไก่ไม่สัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็ง เว้นแต่มีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงร่วมด้วย ที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งทวารหนักได้
อาการของหูดหงอนไก่
ลักษณะของหูดหงอนไก่ คือ มีตุ่ม หรือติ่งเนื้อยื่นออกจากผิวหนังภายในร่างกาย หรือภายนอกร่างกายกระจายออกทางด้านบนคล้ายดอกกะหล่ำ หรือหงอนไก่ หูดหงอนไก่สามารถขยายจำนวนได้ดีในที่อับชื้น ที่ร้อนชื้น หรือในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ในบางราย หูดหงอนไก่อาจปรากฏเป็นเพียงรอยโรคขนาดเล็กที่แทบมองไม่เห็น หรืออาจไม่มีหูดหรือติ่งเนื้อขึ้นเลย ลักษณะเฉพาะของหูดหงอนไก่ มีดังนี้
– ติ่งเนื้อผิวเรียบ หรือผิวขรุขระนูนยื่นออกจากผิวหนังเป็นหยัก ๆ หรือเป็นตะปุ่มตะป่ำ
– ตุ่มเนื้อ ติ่งเนื้อ หรือก้อนเนื้อขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ไม่เท่ากัน
– ตุ่มเนื้อ ติ่งเนื้อ หรือก้อนเนื้อสีขาว สีเนื้อ สีชมพู หรือสีแดง
– ตุ่มเนื้อ ติ่งเนื้อ หรือก้อนเนื้อตุ่มเดียว หรือหลาย ๆ ตุ่มขึ้นเป็นกระจุกรวมกัน
– มีอาการคัน แสบร้อน รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมากหรือเจ็บบริเวณที่เป็นหูดหงอนไก่
– มีเลือดออกที่ติ่งเนื้อ หรือไหลออกทางช่องคลอด โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์
หูดหงอนไก่ติดต่อได้อย่างไร
– การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะเพศชาย-ช่องคลอด อวัยวะเพศชาย-ทวารหนัก และทางช่องคลอด-ช่องคลอด
– การสัมผัสกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีเชื้อ HPV เช่น ปาก มือ นิ้วมือ นิ้วเท้า
– การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ลิปสติก ผ้าเช็ดตัว สบู่ มีดโกน หรือ อุปกรณ์ของเล่นสำหรับมีเพศสัมพันธ์ (Sex toy)
– การทำออรัลเซ็กส์ (Oral sex) ให้กับผู้ที่มีเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 6 และ 11
– การรับการทำออรัลเซ็กส์ จากผู้ที่มีเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 6 และ 11 ที่อวัยวะเพศ ปาก ริมฝีปาก หรือลิ้น
– การสัมผัสแบบแนบชิด เนื้อแนบเนื้อ หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์โดยปราศจากการหลั่ง
– ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น การติดเชื้อ โรคเบาหวานที่คุมไม่ได้ (Brittle diabetes) หรือการทานยากดภูมิคุ้มกัน
– เป็นเริม หรือเคยเป็นเริมมาก่อน
– การติดเชื้อจากแม่ที่เป็นโรคหูดหงอนไก่สู่ลูกผ่านการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ
บริเวณที่เกิดหูดหงอนไก่ได้บ่อย
– เยื่อบุผิวหนังอวัยวะเพศชาย หรืออวัยวะเพศหญิง
– ใต้หนังหุ้มปลายองคชาต หนังหุ้มองคชาต หนังหุ้มอัณฑะ
– ปาก ริมฝีปาก คอหอย
– ปากมดลูก ภายในช่องคลอด
– ท่อปัสสาวะ
– รอบทวารหนัก ฝีเย็บ
– ขาหนีบ
– ลำไส้ตรง หรือลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
– รอบปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด
– แคมเล็ก หรือแคมใน (Labia minora)
– แคมใหญ่ หรือแคมนอก (Labia minora)
ภาวะแทรกซ้อนของหูดหงอนไก่
โดยทั่วไป เชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่จะไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่หากมีการติดเชื้อไวรัส HPV หลายสายพันธุ์รวมกัน โดยเฉพาะสายพันธุ์ชนิดความเสี่ยงสูง ก็อาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคหูดหงอนไก่ได้ เช่น การตกขาวที่มากผิดปกติ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งที่ปากหรือคอหอยในเพศหญิง และมะเร็งองคชาต หรือมะเร็งทวารหนักในเพศชาย
นอกจากนี้ การติดเชื้อโรคหูดหงอนไก่จากแม่สู่ลูกผ่านการคลอดตามธรรมชาติ ยังสามารถทำให้ทารกติดโรคหูดหงอนไก่จากสารคัดหลั่งที่อยู่บริเวณช่องคลอดได้ ทำให้ทารกเป็นหูดที่บริเวณทางเดินหายใจ หลอดลม หรือคอหอยที่ปิดกั้นทางเดินหายใจจนทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและเสียชีวิต ดังนั้น แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดคลอดเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ
การป้องกันหูดหงอนไก่
วิธีการป้องกันหูดหงอนไก่ที่ดีที่สุดคือการรับการฉีดวัคซีน HPV ที่เป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่ โดยสามารถฉีดได้ทั้งเพศหญิง และเพศชาย วิธีการป้องกันหูดหงอนไก่ มีดังนี้
– การพบแพทย์ทันทีเมื่อสังเกตเห็นรอยโรคที่อวัยวะเพศ หรือผิวหนัง
– หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หากมีอาการของโรค เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
– การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
– การตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน
– ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์
– ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอวัยวะของผู้ที่เป็นโรคหูดหงอนไก่
– หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
– ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมโลดโผนทางเพศ
– รักษาความสะอาดของร่างกาย
– รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
– ตรวจสุขภาพประจำปี
หูดหงอนไก่เป็นซ้ำได้ไหม
หูดหงอนไก่ เมื่อหายดีแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกมากถึงร้อยละ 70 ในระยะเวลา 6 เดือนหลังพบแพทย์ครั้งแรก โดยการเกิดโรคซ้ำอาจมีสาเหตุเกิดจากการใช้ยารักษาโรคที่ไม่มีประสิทธิภาพ การติดเชื้อโรคซ้ำจากการมีเพศสัมพันธ์ การเกิดรอยโรคจากเชื้อไวรัส HPV ที่แฝงในร่างกายจากภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ หรือโรคบางโรค เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคเอดส์




