Upper gastrointestinal bleeding เลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น

Upper gastrointestinal bleeding เลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น

Upper gastrointestinal bleeding เลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น

ระบบทางเดินอาหาร คือระบบของอวัยวะของร่างกายในการลำเลียงและย่อยอาหาร ตั้งแต่ปากไปถึงทวารหนัก โดยในระบบทางเดินอาหารจะประกอบด้วยหลาย ๆ อวัยวะที่ทำงานเกี่ยวข้องกันตั้งแต่  ปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก อวัยวะเหล่านี้ทำหน้าที่ลำเลียงและบีบตัวนำพาอาหารไปผ่านกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมจากนั้นกากอาหารจะถูกทำให้กลายเป็นอุจจาระ และขับถ่ายไปยังสำไส้ตรงเเละทวารหนัก ทางเดินอาหารส่วนบนหรือส่วนต้นประกอบไปด้วย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร จนถึงลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งจะติดต่อกับตับอ่อนเเละท่อน้ำดี โดยตับอ่อนจะผลิตและหลั่งน้ำย่อยมาย่อยอาหารที่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีการย่อยอาหารมากที่สุด
เลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น (Upper Gastrointestinal Bleeding) เป็นภาวะที่เกิดจากการมีเลือดออกในบริเวณหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร หรือส่วนต้นของลำไส้เล็ก ซึ่งสามารถเป็นอาการของโรคที่รุนแรงได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและมีอาการแสดงที่หลากหลายขึ้นอยู่กับระดับของการเสียเลือด

สาเหตุของเลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น

สาเหตุหลักของภาวะนี้คือแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori หรือการใช้ยากลุ่มต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เป็นเวลานาน นอกจากนี้ เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร (esophageal varices) ซึ่งมักเกิดจากโรคตับแข็ง ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้นได้ โรคอื่น ๆ เช่น 
– แผลในกระเพาะอาหาร เป็นสาเหตุหลักของ GI Bleeding โดยแผลที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นมักมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H. Pylori) กรดในกระเพาะอาหาร หรือการใช้ยาแก้อักเสบในกลุ่มเอ็นเสด
– การฉีกขาดของเยื่อบุหลอดอาหาร เยื่อบุหลอดอาหารที่ฉีดขาดอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีเลือดออกในปริมาณมาก โดยมักพบได้ในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
– เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร ส่วนใหญ่จะพบได้ในผู้ป่วยโรคตับที่รุนแรง โดยเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารอาจส่งผลให้มีเลือดออกในทางเดินอาหารได้เช่นกัน
– หลอดอาหารอักเสบ มักเป็นผลมาจากภาวะกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหารทำงานผิดปกติ กรดในกระเพาะอาหารจึงไหลย้อนขึ้นมาทำลายหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดแผลและเลือดออกในบริเวณดังกล่าว

อาการของเลือดออกทางเดินอาหารส่วนต้น

อาการมักจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่สูญเสียไป อาการทั่วไปได้แก่ อาเจียนเป็นเลือด (hematemesis) หรืออาเจียนเป็นสีคล้ำคล้ายกากกาแฟ อุจจาระสีดำ (melena) ซึ่งเกิดจากการที่เลือดถูกย่อยในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ หากมีการเสียเลือดมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด ใจสั่น หายใจเร็ว และความดันโลหิตต่ำ ซึ่งเป็นอาการของภาวะช็อกและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

การวินิจฉัยภาวะเลือดออกทางเดินอาหารส่วนบน

การตรวจวินิจฉัยภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน มีดังนี้
– แพทย์จะทำการซักประวัติ อาการต่าง ๆ ระยะเวลาที่พบอาการ การตรวจร่างกาย เเละประวัติการใช้ยา
– การตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการเพื่อดู ปริมาณเม็ดเลือดแดง ความเข้มข้นของเลือด ค่าปริมาณเกล็ดเลือด ค่าการเเข็งตัวของเลือด รวมไปถึงตรวจดูค่าการทำงานของตับเเละไต
– การตรวจหาเชื้อ H. Pylori ในกระเพาะอาหารผ่านทางลมหายใจ
– ตรวจอุจจาระเพื่อดูการปนเปื้อนของเม็ดเลือดแดง (Stool Occult Blood) 
– การใส่สายสวนล้างกระเพาะอาหาร (Gastric Lavage) เพื่อดูความรุนเเรงของภาวะเลือดออกภายในกระเพาะ
– การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน (Esophagogastroduodenoscopy; EGD)
– อัลตราซาวนด์ช่องท้องเพื่อตรวจดูตับอ่อน ถุงน้ำดี ท่อน้ำดี รวมไปถึงตับ
– การตรวจลำไส้เล็กด้วยวิธีการกลืนแคปซูล (Capsule Endoscopy)
– การฉีดสีเพื่อดูหลอดเลือดในทางเดินอาหาร (Angiography)
– การตรวจเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (Computerized Tomography; CT Scan)

ภาวะแทรกซ้อนของเลือดออกในทางเดินอาหาร

เลือดออกทางเดินอาหาร-ส่วนต้น อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โลหิตจาง ไตวาย ภาวะช็อกหากเลือดออกมาก และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที นอกจากนี้ วิธีการรักษา IG Bleeding บางประเภทยังอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น การส่องกล้องอาจทำให้ปอดอัดเสบจากการสำลัก หรืออวัยวะภายในทะลุ และการผ่าตัดอาจทำให้เกิดลำไส้อุดตัน ติดเชื้อ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับแผลหลังการผ่าตัดได้

การรักษาเลือดออกในทางเดินอาหาร

เลือดออกทางเดินอาหาร มีวิธีการรักษาแตกต่างกันไปตามสาเหตุ ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการรักษาในระหว่างการตรวจด้วยการส่องกล้องประเภทต่าง ๆ ไปพร้อมกัน โดยแพทย์อาจฉีดยา ใช้กระแสไฟฟ้าและเลเซอร์จี้ หรือใช้คลิปหนีบหลอดเลือดเพื่อให้เลือดหยุดไหล อย่างไรก็ตาม GI Bleeding นั้นมักหายไปได้เองหลังจากรักษาแบบประคับประคอง ซึ่งการรักษาจะมีวิธีแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่มีเลือดออก เช่น หากมีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนบน ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการฉีดยาในกลุ่ม Proton pump inhibitors: PPIs เข้าเส้นเลือด เพื่อยับยั้งการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร
นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาให้เลือดหรือน้ำเกลือเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เพื่อทดแทนเลือดที่เสียไป หากผู้ป่วยกำลังใช้ยาต้านเกร็ดเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดจะต้องหยุดใช้ยาดังกล่าวตามคำแนะนำของแพทย์ด้วย เช่น ยาวาฟาริน ยาแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบในกลุ่มเอ็นเสด

การป้องกันภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น

สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์โดยไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก และการรักษาโรคตับให้เหมาะสม สำหรับผู้ที่มีประวัติเคยมีเลือดออกในทางเดินอาหาร อาจต้องได้รับยาลดกรดกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) เพื่อลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำ
ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้นเป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การตระหนักถึงอาการ การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ และการรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงของภาวะนี้

อิมมูตี้ (สมุนไพรพลูคาว) ตราคุณสัมฤทธิ์

อิมมูตี้ (สมุนไพรพลูคาว) ตราคุณสัมฤทธิ์

Price range: 400.00 บาท through 740.00 บาท
Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top