สิวประจำเดือน

สิวประจำเดือน (Period Acne)

สิวประจำเดือน หรือที่เรียกว่าสิวฮอร์โมน เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน ซึ่งทำให้หลายคนต้องเผชิญกับสิวที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด นอกจากความเหนื่อยเพลียจากการมีประจำเดือนแล้ว ยังต้องมาเครียดกับปัญหาสิวที่ขึ้นเต็มใบหน้าอีกด้วย แล้วเราจะทำอย่างไรดีเพื่อป้องกันและจัดการกับสิวประจำเดือนนี้?

สิวฮอร์โมน: สาเหตุและปัจจัยที่กระตุ้น

สิวฮอร์โมนเกิดจากการแปรปรวนของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น:

  • วัยรุ่น: ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายยังไม่สมดุล ทำให้เกิดสิวได้ง่าย
  • ความเครียด: ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิว
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่
  • การใช้ยาคุมกำเนิด: ยาคุมกำเนิดบางชนิดสามารถทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่คงที่

สิวประจำเดือน: การแปรปรวนของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน

ในช่วงก่อนมีรอบเดือน 1 สัปดาห์ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่มีหน้าที่ในการควบคุมประจำเดือน จะเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่มีส่วนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามาก ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบต่าง ๆ

สิวประจำเดือนในแต่ละช่วงวัย

สิวประจำเดือนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความสมดุลของฮอร์โมนในขณะนั้น อย่างไรก็ตาม สิวรอบเดือนมักปรากฏในช่วงวัยรุ่นมากกว่าในวัยอื่น ๆ เนื่องจากเป็นช่วงที่ฮอร์โมนยังแปรปรวนและไม่คงที่

อาการของสิวประจำเดือน

สิวประจำเดือนมักจะเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีฮอร์โมนเพศชายและแอนโดรเจน (Androgen) อยู่เยอะ ทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังบริเวณนั้นผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ได้แก่:

  • T-Zone (หน้าผาก จมูก)
  • รอบปาก
  • คาง
  • กราม

สิวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อาจมีหลายประเภท เช่น:

  • สิวหัวดำ: สิวที่อยู่ภายในรูขุมขนที่เปิด ทำให้ไขมันสัมผัสกับอากาศและทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้หัวสิวมีสีดำ
  • สิวหัวขาว: สิวที่เป็นสีขาว เนื่องจากเป็นสิวหัวปิด ทำให้ไขมันภายในไม่ได้สัมผัสกับอากาศภายนอก
  • สิวผด: สิวตุ่มเล็ก ๆ อยู่ใต้ผิวหนัง คล้ายผดผื่นเล็ก ๆ อาจมีอาการคันร่วมด้วย
  • สิวหัวหนอง: สิวที่มีอาการอักเสบ ตรงบริเวณฐานสิวมีสีแดง และบนหัวสิวมีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ภายใน
  • สิวตุ่มใหญ่: สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ อาจพบหลายหัวสิวอยู่ติด ๆ กัน
  • สิวหัวช้าง: สิวอักเสบขนาดใหญ่ ที่มีการอักเสบของผิวในระดับรุนแรง ทำให้เมื่อสัมผัสโดนอาจรู้สึกเจ็บ ภายในของสิวมีทั้งเลือดและหนองปะปนกัน

วิธีการป้องกันและจัดการกับสิวประจำเดือน

การป้องกันและจัดการกับสิวประจำเดือนสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพและผิวพรรณอย่างเหมาะสม เช่น:

  • รักษาความสะอาดของผิวหน้า: ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรก
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวมันและไม่อุดตันรูขุมขน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ อาจทำให้สิวแย่ลง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
  • นอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและลดความเครียด

การดูแลสุขภาพและผิวพรรณอย่างเหมาะสมจะช่วยลดปัญหาสิวประจำเดือนและทำให้ผิวหน้าดูสดใสและสุขภาพดีขึ้น

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top