Herpes Simplex โรคเริม
เริมเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส เฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) สามารถเกิดขึ้นได้ในกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย และเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน ผ่านสารคัดหลั่งของผู้ที่ใกล้ชิดกัน ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสหรือการมีเพศสัมพันธ์ หากได้รับเชื้อไวรัสแล้วเชื้อจะเข้าสู่ผิวหนังและทำให้เป็นโรคเริมครั้งแรก หลังจากนั้นเชื้อไวรัสจะเข้าไปสะสมในปมเส้นประสาท เมื่อร่างกายได้รับการกระตุ้น เช่น เกิดความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอจากการไม่สบายหรือเป็นไข้ เชื้อไวรัสจะเคลื่อนจากปมประสาทมาตามเส้นประสาท ทำให้เกิดโรคเริมซ้ำได้อีก
โรคเริมสามารถติดเชื้อบริเวณไหนได้บ้าง?
เนื่องจากโรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ตำแหน่งของรอยโรคจึงขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อไวรัสร่วมด้วย ซึ่งไวรัสของโรคเริมนี้สามารถแบ่งได้ 2 ชนิด
1. Herpes simplex virus 1 (HSV 1) เชื้อไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดโรคเริมที่ปากหรือที่อวัยวะเพศ
2. Herpes simplex virus 2 (HSV 2) เชื้อไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ
โรคเริมอาการเป็นอย่างไร?
ผู้ที่ไม่เคยเป็นเริมมาก่อนอาการมักจะรุนแรงและกินเวลายาวนาน โดยจะมีระยะเวลาการฟักตัวประมาณ 3-7 วัน หลังได้รับเชื้อ ผู้ป่วยอาจมีอาการนำมาก่อน เช่น อาการคัน หรือแสบร้อนบริเวณที่จะเป็น ซึ่งอาการตามบริเวณที่เกิดเริมมีดังนี้
อาการเริมที่ปาก ผู้ป่วยโรคเริมที่ปากจะมีลักษณะตุ่มน้ำปรากฎขึ้นมาเป็นกลุ่มและอาจมีหลายตุ่มติดๆ กัน โดยจะเกิดที่ขอบริมฝีปาก ทำให้รู้สึกคันบริเวณโดยรอบปากหรือในปาก อาจเกิดขึ้นเพียงครึ่งวันแล้วแตกไปกลายเป็นแผลในปาก หรือแผลริมฝีปาก
อาการเริมที่อวัยวะเพศ หากเป็นเริมที่อวัยวะเพศ จะพบว่ามีตุ่มน้ำใสๆบริเวณอวัยวะเพศ โดยตุ่มน้ำจะมีขนาดเล็กประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เป็นผื่นแสบและเจ็บที่อวัยวะเพศได้
โรคเริมมีวิธีการรักษาอย่างไร?
ดังที่กล่าวข้างต้นว่าโรคเริมสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ เพราะเชื้อไวรัสยังสะสมและซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกาย เริมจึงเป็นโรคผิวหนังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ยังสามารถรักษาอาการให้สงบลงได้ ดังนี้
1. การให้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ ปัจจุบันมีตัวยารักษาโรคเริมเป็นชนิดของยาต้านไวรัส ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทานและทา โดยการให้ยาก่อนระยะลุกลามสามารถป้องกันโรคเริมได้ แต่หากมีการเป็นซ้ำบ่อยครั้ง แพทย์จะให้ยากินต่อเนื่องเพื่อกดไม่ให้เริมเกิดซ้ำบ่อยๆ
2. การรักษาอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง การดูแลแผลให้ถูกต้องจะช่วยให้หายเร็วขึ้น โดยควรดูแลแผลให้แห้งเสมอหลังอาบน้ำ ตัดเล็บให้สั้นเสมอ สวมเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าโปร่ง สบายตัว นอนหลับให้เพียงพอ เลี่ยงปัยจัยกระตุ้นต่างๆ ที่จะทำให้เกิดเริมซ้ำอีก
ถึงแม้ว่าโรคเริมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เราสามารถลดโอกาสการกลับมาเป็นเริมซ้ำๆ ได้ ด้วยการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดเริม ทั้งความเครียด การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือการเป็นไข้หวัด และหากร่างกายมีความผิดปกติ หรืออาการของโรคมีความรุนแรงมากขึ้นไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ




