โรคหัวใจ เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ เนื่องจากคนมีพฤติกรรมเสี่ยงกันมากขึ้น ทั้งการรับประทานอาหาร การไม่ดูแลสุขภาพร่างกาย แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ เพราะอาการบางอย่างอาจจะคล้ายคลึงกับหลายโรค ดังนั้นเราจึงควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ รวมถึงการป้องกัน เพื่อสำรวจตัวเองว่ามีความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจหรือไม่ โดยโรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น
4. โรคเบาหวาน โรคหัวใจนับว่าเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน บางครั้งแล้วผู้ป่วยเบาหวานอาจไม่มีอาการเจ็บหน้ากอกเลย แต่อาจเป็นอาการเหนื่อยง่ายผิดปกติแทน อย่างไรก็ตามโรคเบาหวานไม่ควรรักษาด้วยตนเองโดยไม่ไปพบแพทย์ เพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดนั้นอาจแปรเปลี่ยนไปได้ ควรมีการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีตลอดเวลา เพราะการควบคุมเบาหวานที่ไม่ดีพออาจจะไม่ต่างจากการไม่ควบคุมเลยก็ได้
5. การไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะต่อหัวใจ เราพบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจถึง 2 เท่าในผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย และเกิดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงกว่าผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอถึง 27 เปอร์เซ็นต์
การออกกำลังกายที่ดี คือ การออกกำลังกายชนิด aerobic exercise เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน การเต้นแอโรบิค เป็นต้น ขณะออกกำลังกายหัวใจควรเต้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราเต้นสูงสุดหรือประมาณได้ว่า รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อหัวใจมากที่สุด หากว่าไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามที่กล่าวการออกกำลังกายบ้างก็ได้ประโยชน์ต่อร่างกายกว่าการไม่ออกกำลังกายเลย
6. โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน 20 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นโรคอ้วน (obesity) ส่วนผู้ที่น้ำหนักเกินมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นโรคอ้วนอันตราย (morbid obesity) ซึ่งจะพบว่ามีโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้หลายอย่างโดยเฉพาะโรคหัวใจ คนอ้วนจะเป็นโรคหัวใจได้บ่อยกว่าคนไม่อ้วนถึง 2 เท่า และมีโรคแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคกรน โรคข้อ เป็นต้น การลดน้ำหนักจะช่วยทำให้โอกาสเกิดโรคต่างๆ ลดลงได้
7. ความเครียด โดยเฉพาะในผู้ที่มีอุปนิสัยเครียดง่าย จะป่วยเป็นโรคหัวใจได้บ่อยขึ้นกว่าผู้ที่ไม่เครียดถึง 2 เท่า และความเครียดยังเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกายให้ผิดปกติ อาจทำให้เส้นเลือดหัวใจที่ตีบอยู่แล้วเกิดปริแตก หรืออุดตันได้ง่ายขึ้น การพยายามปรับเปลี่ยนอุปนิสัยไม่เครียดกับอะไรง่าย ๆ
5. อาหารที่ปรุงด้วยน้ำมัน ผู้ป่วยโรคหัวใจควรระมัดระวังเรื่อง การใช้น้ำมันประกอบอาหาร ควรใช้ น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน ประกอบการทำอาหาร และไม่ควรใช้น้ำมันใน ปริมาณเย่อะหรือรับประทานบ่อย เช่น อาหารที่ผ่านการทอด ควรเลี่ยงเป็นอาหารที่ต้มหรือนึ่งมากกว่า หากต้องรับประทานอาหาร ที่ผ่านการทอดให้ใช้น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันคาโนล่าทดแทน เนื่องจากมีจำนวนของไขมันดี (HDL) และรับประทานแล้วเกิดโทษต่อร่างกายและส่งผลต่อหัวใจน้อย
6. อาหารทะเล อาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง ปลาหมึก หอยนางรม ยิ่งจะทำให้ปริมาณทั้งไขมันและคอเลสเตอรอลสูงยิ่งขึ้น เป็นไปได้จึงควรงดหลีกเลี่ยง หรือรับประทานแต่น้อย
7. งดดื่มแอลกอฮอล์ หากผู้ป่วยโรคหัวใจบริโภคเข้าไป จะเป็นโทษต่อร่างกาย และทำให้เกิดผลกระทบต่อหัวใจและเส้นเลือดหัวใจ
8. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม เนื่องจากมีสารคาเฟอีน มีผลกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ใจสั่น ความดันโลหิตสูง หากต้องการบริโภคควรรับประทานแต่น้อยและปรึกษาแพทย์ โดยควบคุมการรับประทานของตนเองให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
Modifiable risk factors for heart disease