Tubo-Ovarian Abscess(TOA) ฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่เป็นฝีที่เกิดจากการติดเชื้อ

Tubo-Ovarian Abscess(TOA) ฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่เป็นฝีที่เกิดจากการติดเชื้อ

Tubo-Ovarian Abscess(TOA) ฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่เป็นฝีที่เกิดจากการติดเชื้อ

ฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่เป็นฝีที่เกิดจากการติดเชื้อในต่อมข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง อาจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างนอกเหนือจากท่อนำไข่และรังไข่ รวมถึงลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดในทางเดินอวัยวะสืบพันธุ์ ฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่มักมีอาการปวดท้อง มีไข้ เม็ดเลือดขาวสูง และมีตกขาว และหากรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การตรวจร่างกายและวินิจฉัยแยกโรคจะต้องให้แน่ชัด ซึ่งโรคที่มีอาการคล้ายกันประกอบด้วย ไส้ติ่งอักเสบ, โพรงผนังลำไส้อักเสบ, รังไข่บิด, โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังชนิดเป็นแผล, การตั้งครรภ์นอกมดลูก, ก้อนเนื้อในรังไข่, ไตอักเสบ
ในอดีต IUD ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงอิสระการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ ปฏิเสธว่า IUD ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงอิสระ ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาของการใส่และ 1 ถึง 3 สัปดาห์ ต่อมาฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เนื้อเยื่อตายและเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกรานเกาะติดกัน ทำให้เกิดแผลเป็นและโรคติดแน่นในระยะยาว

สาเหตุ

ฝีที่ท่อนำไข่และรังไข่ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ส่วนล่างที่ไหลจากช่องคลอดหรือปากมดลูกเข้าไปในมดลูกแล้วออกไปยังท่อนำไข่และรังไข่
– สิ่งมีชีวิตทั่วไปได้แก่ อีโคไล (E. coli), Streptococci, Prevotella, Bacteroides, Peptostreptococcus
– สิ่งมีชีวิตที่หายากได้แก่ ไมโดแบคทีเรียม (Mycobacterium), Actinomyces, หนองใน, คลามีเดีย
– การติดเชื้อส่วนใหญ่มักเป็นเชื้อจุลินทรีย์ ส่วนใหญ่มักเป็นผลจาก PID ที่ไม่ได้รับการรักษา
– ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อายุเจริญพันธุ์ระหว่าง 15 ถึง 40 ปี, มีเพศสัมพันธ์, มีประวัติ PID มาก่อน, พบได้น้อยในผู้ป่วยวัยหมดประจำเดือนและผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง

อาการ

อาการปวดท้องเฉียบพลันที่บริเวณท้องน้อย มักแย่ลงเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือมีการเคลื่อนไหว อาการไข้เม็ดเลือดขาวสูง คลื่นไส้ ปัสสาวะลำบาก ตกขาวหรือมีเลือดออกจากช่องคลอด, อาการปวดด้านขวาบนที่พบได้น้อยจะแย่ลงเมื่อมีการ เคลื่อนไหวหรือหายใจ บ่งบอกถึงโรคที่ส่งผลต่อเยือบช่องท้องและการยึดเกาะบนตับ อาการอาจไม่ชัดเจนและบางครั้งอาจไม่มีอาการไข้
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบที่ไม่ใช่ฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่ การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นฝีหนองที่ท่อนำไข่หรือรังไข่ เว้นแต่มีสิ่งต่อไปนี้ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของภาวะฉุกเฉินทางการผ่าตัด
– การตั้งครรภ์ (ในระยะเริ่มต้น หลังจากตั้งครรภ์ได้ 12 สัปดาห์ การติดเชื้ออาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย และควรแยกโรคไส้ติ่งเป็นอันดับแรก)
– อาการป่วยรุนแรง มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีใข้สูง
– ไม่ตอบสนองต่อการรักษาช่องปาก
– ไม่สามารถปฏิบัติตามหรือทนต่อการรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้
– ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาต้านจุลชีพชนิดรับประทาน

การวินิจฉัย

ผลการตรวจร่างกาย
– การตรวจช่องท้อง รู้สึกเจ็บเมื่อคลำที่ช่องท้องส่วนล่างขวา/ซ้ายหรือทั้งสองข้าง มีอาการเด้ง ตึง หรือ
ท้องอืด, การตรวจภายในอุ้งเชิงกราน, ปวดเมื่อยบริเวณปากมดลูก, มีตกขาวเป็นหนองบริเวณปากมดลูก, ปวด
เมื่อตรวจภายในอุ้งเชิงกราน
– หากฝีท่อรังไข่และท่อนำไข่แตก ผู้ป่วยจะมีอาการท้องแข็งและมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด
การศึกษาในห้องปฏิบัติการ
– การตรวจการตั้งครรภ์เพื่อแยกแยะภาวะนอกมดลูก, CBC เพื่อประเมินเม็ดเลือดขาว, การเพาะเชื้อในเลือดหากกังวลเรื่องภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดหนองในและคลามีเดีย (จากปัสสาวะหรือปากมดลูก)
– สามารถพิจารณาอัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดงหรือโปรตีนซีรีแอคทีฟเพื่อยืนยันการติดเชื้อแบคทีเรีย
– อาจทำการตรวจชิ้นเนื้อเยือบุโพรงมดลูกหากสงสัยว่าเป็นเชื้อสเตรปโตคอคคัสกลุ่มเอ หรือใช้กล้องจุลทรรศน์ช่องคลอดน้ำเกลือเพื่อยืนยันเม็ดเลือดขาว
การศึกษาด้านภาพ
– การตรวจอัลตราชาวนด์ (ทางช่องคลอดหรือช่องท้อง) จะแสดงก้อนเนื้อหลายช่องและท่อนำไข่และรังไข่ที่ชับซ้อนหรือกลุ่มก้อนเนื้อที่มีเศษซาก ช่องว่างระหว่างผนังมดลูก และความหนาของผนังมดลูกที่ไม่สม่ำเสมอ โดยอาจมีเศษชากอยู่ในอุ้งเชิงกราน
– CT (ดีขึ้นเมื่อแยกไส้ติ่งอักเสบหรือสาเหตุทางระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ออก) แสดงให้เห็นก้อนเนื้อท่อนำไข่และรังไข่ที่เต็มไปด้วยของเหลวและผนังที่หนาขึ้น
ผลสืบเนื่องระยะยาว
ภาวะมีบุตรยาก ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น โรคลิ่มเลือดในอุ้งเชิงกราน และอาการปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง

ทำความรู้จักกับสมุนไพรน่ารู้

ชื่ออื่น ว่านหมาวัด (อุบลราชธานี), ว่านทรหด, ว่านหำหด, ว่านพญาหัวศึก, ว่านการบูรเลือด

สรรพคุณ ตามตำรายาไทย ใช้เหง้าว่านชักมดลูกรักษาอาการของสตรี เช่นประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน ตกขาว ขับน้ำคาวปลา  เป็นยาบีบมดลูก ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วหลังจากการคลอดบุตร แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย ริดสีดวงทวาร และไส้เลื่อน รักษาอาการอาหารไม่ย่อย แก้โรคลม
         
องค์ประกอบทางเคมีสารประกอบทางเคมี Curcuma xanthorrhiza พบสารกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้ กลุ่ม curcuminoids, กลุ่ม diarylheptanoids, กลุ่ม sesquiterpenes
 
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบสารชื่อโฟราซิโตฟีโนนในว่านชักมดลูกที่แสดงฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งน้ำดี และเสริมให้มีการหลั่งกรดน้ำดีมากขึ้น สารสกัดด้วยเฮกเซน พบว่าสามารถป้องกันอาการเยื่อบุผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจขาดความยืดหยุ่น ทั้งยังแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบด้วยพบทั้งฤทธิ์ป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนที่ทดลองในหนูที่ถูกตัดรังไข่ พบว่าสามารถป้องกันการสูญเสียแคลเซียม รัษาระดับความหนาแน่นของมวลกระดูกได้

ข้อห้าม/ข้อควรระวัง ห้ามใช้ต่อต่อกันในระยะเวลายาว หรือรับประทานว่านชักมดลูกเกินขนาด อาจทำให้มีอาการปวดท้องได้
ไม่ควรใช้สมุนไพรในผู้ป่วยที่มีปัญหาท่อน้ำดีอุดตัน เพราะเหง้าว่านหมาว้อมีฤทธิ์กระตุ้นทางเดินน้ำดี และอาจทำให้เกิดอาการเสียดท้องได้ในผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงมดลูก

ยาแคปซูลผสมสมุนไพรรากสามสิบ ตรา สมุนไพรคุณสัมฤทธิ์ สูตร 2

400.00 บาท740.00 บาท

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top