Seborrheic Dermatitis

Seborrheic Dermatitis โรคเซ็บเดิร์ม

Seborrheic Dermatitis โรคเซ็บเดิร์ม

โรคเซ็บเดิร์ม เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังที่พบมากในปัจจุบัน และเป็นโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา โรคดังกล่าวสามารถลุกลามไปทั่วร่างกายได้ โดยบางครั้งอาจจะเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและลุกลามไปยังหลังและหน้าอก อีกทั้งยังเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังที่สร้างความรำคาญให้กับเจ้าของร่างกาย และเป็นโรคที่แม้หายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้  การทำความรู้จักโรคเซ็บเดิร์มจึงเป็นปราการป้องกันไม่ให้เกิดโรค เป็นตัวช่วยทำให้โรคหายหรือช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้ การอักเสบเรื้อรังของผิวหนังหรือมีอีกชื่อว่า โรคต่อมไขมันอักเสบ ซึ่งโรคเซ็บเดิร์มจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีความมัน มีต่อมไขมันอยู่มาก เช่น ใบหน้า หลัง หน้าอก จมูก หนังศีรษะ รอบสะโพก ขาหนีบ ส่วนมากแล้วจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ดสีขาวหรือสีเหลืองบริเวณผิวหนัง และมักมีอาการคันบริเวณผื่นหรือสะเก็ด

สาเหตุของโรคเซ็บเดิร์ม Seborrheic Dermatitis

โรคเซ็บเดิร์มยังไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในร่างกาย สภาพอากาศภายนอกหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยสามารถสรุปสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคเซ็บเดิร์มได้ดังต่อไปนี้

1. ปฏิกิริยาการอักเสบของยีสต์ Malassezia ส่วนเกิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกติอาศัยอยู่บนผิวหนัง เป็นสาเหตุที่เป็นไปได้ของโรคเซ็บเดิร์ม
2. ภูมิต้านทานผิดปกติ
3. ภาวะทางระบบประสาทและจิตเวช เช่น โรคพาร์กินสันและภาวะซึมเศร้า
4. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น พบในผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ตับอ่อนอักเสบจากแอลกอฮอล์และมะเร็งบางชนิด โรคอ้วน
5.การฟื้นตัวจากสภาวะทางการแพทย์ที่ตึงเครียด เช่น หัวใจวาย
6. ความเครียด
7. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือการเจ็บป่วย
8. ได้รับสารซักฟอกที่รุนแรง ตัวทำละลาย สารเคมี และสบู่
9. ยาบางชนิด เช่น psoralen interferon และ lithium
10. ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป มักปรากฏในทารกและหายไปก่อนวัยแรกรุ่น
11. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว
12. โลชั่นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
13. พันธุกรรม

บุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคเซ็บเดิร์ม Seborrheic Dermatitis

โรคเซ็บเดิร์มสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยใน เด็กทารกแรกเกิดถึง 3 เดือนแต่โดยทั่วไปอาการจะหายเองเมื่อทารกโตขึ้น และพบในผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี โดยเฉพาะ เพศชาย มักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ มีอาการต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเซ็บเดิร์มมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่ ผู้ที่มีพันธุกรรมเป็นโรคนี้จากครอบครัว หรือมีภาวะระบบภูมิต้านทานผิดปกติ เป็นต้น

อาการของโรคเซ็บเดิร์ม Seborrheic Dermatitis

1. ผิวหนังตกสะเก็ดเป็นรังแคบนหนังศีรษะ หรือบริเวณที่มีเส้นผม คิ้ว หรือหนวดเครา
2. ผิวมันเป็นแผ่น ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง หรือมีสะเก็ดแข็งบนหนังศีรษะ ใบหู ใบหน้า หน้าอก รักแร้ ถุงอัณฑะ หรือตามร่างกายส่วนอื่น ๆ
3. มีอาการคัน แดง ผิวหนังลอกเป็นขุยสีขาวหรือสีเหลือง ผิวมัน
4. เปลือกตาอักเสบ มีอาการแดงหรือมีสะเก็ดแข็งติด
5. มีอาการปวดหรือคันร่วมด้วย
6. อาจมีอาการผมร่วงเกิดขึ้น
7. อาการอาจรุนแรงมากขึ้นหากมีความเครียดและมักจะเกิดรุนแรงในฤดูหนาวและฤดูร้อน
8. ในทารกอายุน้อยกว่า 3 เดือนมักจะมีเกล็ดสีเหลืองหรือน้ำตาลบนศีรษะ แต่มักจะหายไปก่อนอายุครบ 1 ปี 

อาการของโรคเซ็บเดิร์มบางครั้งอาจมีอาการไม่รุนแรงและไม่รบกวนการใช้ชีวิต แต่บางคนก็อาจรุนแรงจนกระทบกับชีวิตประจำวัน ได้แก่    

1. นอนไม่หลับ เมื่อโรคเซ็บเดิร์มทำให้ทรมาน อึดอัดมากจนนอนไม่หลับหรือทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน
2. ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น ไม่มั่นใจในผิวของตนเอง มีสะเก็ดผิวหนังมาก มีผื่นคันจนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้
3. วิตกกังวล 
4. สงสัยว่าผิวหนังเริ่มมีอาการติดเชื้อ
5. เมื่อดูแลรักษาด้วยตนเองแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น

โรคเซ็บเดิร์มนั้นค่อนข้างมีอาการที่คล้ายคลึงกับโรคผิวหนังอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงิน หรืออาการภูมิแพ้ในเด็กทารก จึงอาจมีการเข้าใจผิดได้ว่าโรคเซ็บเดิร์มคือโรคผื่นผ้าอ้อม ดังนั้น จึงควรมีการสังเกตร่างกายตนเองหรือทารกอยู่เสมอ หากไม่แน่ใจในอาการควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ซึ่งความแตกต่างของโรคเซ็บเดิร์มและโรคผิวหนังอื่น ๆ

โรคผื่นผิวหนังอักเสบ จะมาในรูปแบบต่าง ๆ ไมว่าจะเป็นผื่นแดง ผื่นคัน ตุ่มน้ำ หรือผื่นที่ขึ้นเป็นปื้นวง
โรคสะเก็ดเงิน มีลักษณะเป็นผื่นสีแดงหนา และมีขอบชัดเจน ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีขาวคล้ายเงิน
ผื่นผ้าอ้อม ผื่นผิวหนังอักเสบที่เกิดขึ้นบนบริเวณที่เด็กสวมใส่ผ้าอ้อม เกิดจากความอับชื้นภายในผ้าอ้อม จะเป็นผื่นแดงหรือผด ตามแก้มก้น ขาหนีบ อวัยวะเพศ ต้นขาด้านใน

วิธีรักษาและการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม

1. ล้างหน้าด้วยความอ่อนโยน ในการทำความสะอาดผิวหน้าในระหว่างที่มีอาการของโรคเซ็บเดิร์มนั้น ควรล้างหน้าให้เบามือที่สุด และแนะนำให้ใช้สบู่อ่อนๆ หรือล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม หากมีอาการบริเวณหนังศีรษะหรือหน้าอกแนะนำให้เปลี่ยนยาสระผมและสบู่ที่ใช้เป็นสูตรอ่อนโยนเช่นกัน
2. ทาครีมบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่าย นอกจากการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนแล้ว การรักษาความชุ่มชื้นก็ถือเป็นหัวใจหลักของการดูแลผิวที่มีการอักเสบ หรืออ่อนแออยู่เช่นกัน โดยแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างสารกันเสียหรือน้ำหอม และเหมาะกับผิวแพ้ง่าย
3. ทาครีมกันแดดเสมอ เลี่ยงแดดจัดๆ แม้แสงแดดอ่อนๆ จะมีส่วนช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อยีสต์ หรือเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคเซ็บเดิร์มได้ แต่ทั้งนี้ควรใช้ครีมกันแดดสูตร Physical เป็นประจำทุกวันแม้จะอยู่ในบ้าน ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสการระคายเคืองที่มาจากความร้อนในอากาศและรังสีจากแสงแดดที่จะกระตุ้นให้อาการแย่ลงได้ นอกจากนี้หากอยู่ในช่วงที่โรคเซ็บเดิร์มมีอาการกำเริบควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดดจัดๆ โดยตรง แต่หากจำเป็นต้องเจอกับแสงแดดแนะนำให้สวมหมวก หรือกางร่มเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ผิวอีกชั้นหนึ่ง
4. งดขัดหน้า ทรีตเมนต์และเลเซอร์ ในระหว่างที่ผิวหนังมีการอักเสบอยู่นั้นถือเป็นช่วงที่ผิวอ่อนแอ ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง การขัดหน้า พอกหน้า ทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผิวหน้าทั้งหมดจึงควรงด หรือเลี่ยงออกไปก่อนจนกว่าผิวหนังหรืออาการของโรคเซ็บเดิร์มจะหายอักเสบ ไม่เช่นนั้นจะเหมือนเป็นการซ้ำเติมให้ผิวยิ่งมีอาการแย่ลงไปอีก
5. พักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด การพักผ่อนให้เพียงพอ มีคุณภาพ และไม่สะสมความเครียด เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลตัวเองและช่วยบรรเทาอาการของโรคให้ดีขึ้นได้ เพราะความเครียดส่งผลให้ฮอร์โมนแปรปรวน และทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวหนังของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นการพักผ่อนให้มีคุณภาพและหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด จะช่วยให้อาการดีขึ้นและลดการกำเริบของโรคในอนาคตได้
6. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากมีอาการรุนแรงขึ้น หากดูแลและรักษาอาการเซ็บเดิร์มตามคำแนะนำ 5 ข้อบนแล้วพบว่าอาการรุนแรงขึ้นหรือมีแนวโน้มแย่ลง เช่น ผื่นลอกมาก เป็นขุย แสบ คัน ผิวคล้ำขึ้น ผมร่วงเยอะ หรือกระทบกับการใช้ชีวิต เกิดความวิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาด้วยยาที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา และยาที่มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบทั้งกลุ่มสเตียรอยด์และไม่ใช่สเตียรอยด์ ตามการวินิจฉัยและประเมินอาการของแพทย์อิ

แม้ว่าโรคเซ็บเดิร์มจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เป็นแล้วสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก แต่เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้นมาได้ตามการดูแลผิวที่ได้แนะนำไป ร่วมกับการเข้าพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

อิมมูตี้ (สมุนไพรพลูคาว) ตราคุณสัมฤทธิ์

Price range: 400.00 บาท through 740.00 บาท

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top