Norovirus โนโรไวรัส
โนโร-ไวรัส เชื้อไวรัสที่มากับฤดูหนาว เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากไวรัสนี้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้เป็นสาเหตุสำคัญของการระบาดในครอบครัว ชุมชน โรงเรียน หรือสถานที่ที่มีคนอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก
สถานการณ์ของโรคโนโร-ไวรัสในประเทศไทย
กรมควบคุมโรคเปิดเผยข้อมูลว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ถึง พ.ศ. 2567 มีผู้ป่วยอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อโนโร-ไวรัสจำนวน 729 ราย โดยพบมากที่สุดในกลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี คิดเป็นร้อยละ 21.6 รองลงมาคือวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี คิดเป็นร้อยละ 20.9 และกลุ่มเด็กอายุ 5-9 ปี คิดเป็นร้อยละ 20.5
โนโร-ไวรัสสามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีอาการรุนแรง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ลักษณะและคุณสมบัติของโนโร-ไวรัส
• การแพร่กระจาย:
• ติดต่อผ่านทางระบบ Foecal-Oral Route (ปาก-อุจจาระ)
• การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
• การสัมผัสผู้ป่วยหรือสิ่งของที่มีเชื้อ
• ระยะฟักตัว: ใช้เวลา 12-48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ
• ความทนทาน:
• ทนความร้อนได้สูงถึง 60°C
• ทนต่อยาฆ่าเชื้อและแอลกอฮอล์
• สารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ เช่น ฟอร์มาลีน กลูตารอลดีไฮด์ และสารประกอบคลอรีน
อาการของผู้ป่วยติดเชื้อโนโร-ไวรัส
โนโร-ไวรัสทำให้เกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการดังนี้:
• อาการหลัก:
• คลื่นไส้
• อาเจียนรุนแรง
• ท้องเสีย
• ปวดท้อง
• อาการร่วม:
• ไข้ต่ำ ๆ
• ปวดศีรษะ
• ปวดเมื่อยตามร่างกาย
อาการจะปรากฏหลังได้รับเชื้อประมาณ 12-48 ชั่วโมง และมักหายได้เองภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม ในบางรายที่มีอาการรุนแรงหรือสูญเสียน้ำมาก อาจต้องได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือด
การรักษา
• ปัจจุบันยังไม่มียาที่จำเพาะสำหรับกำจัดโนโร-ไวรัส
• การรักษาเป็นแบบประคับประคอง โดยเน้นที่การชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป
• ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ควรได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือด
การป้องกันโรคโนโร-ไวรัส: หลัก “สุก ร้อน สะอาด”
1. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่:
• หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก เช่น หอย ผัก ผลไม้สดที่ไม่ได้ล้างอย่างสะอาด
2. อุ่นอาหารก่อนรับประทาน:
• อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นให้ร้อน
3. ล้างผักและผลไม้:
• แช่ในน้ำสะอาดนาน 15 นาที และถูผิวของผักและผลไม้ด้วยมือในน้ำไหลนาน 2 นาที
4. เลือกน้ำดื่มและน้ำแข็งที่สะอาด:
• ตรวจสอบว่ามีเครื่องหมาย อย.
5. ล้างมือ:
• ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที ก่อนสัมผัสอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
6. ทำความสะอาดพื้นผิวและของใช้:
• ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน หรือสารฟอกขาวในการทำความสะอาด
7. ขับถ่ายลงส้วมที่ถูกสุขลักษณะ:
• ปิดฝาชักโครกก่อนกด เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อ
8. ซักเสื้อผ้าปนเปื้อนแยกต่างหาก:
• ใช้น้ำยาซักผ้าขาวหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
9. หลีกเลี่ยงการปรุงอาหาร:
• หากมีอาการอุจจาระร่วง ควรงดปรุงอาหารให้ผู้อื่น
คำแนะนำเพิ่มเติมในการป้องกันการระบาด
• ในโรงเรียนหรือสถานที่ทำงาน:
• กำจัดสิ่งปนเปื้อนอย่างรวดเร็ว
• ปิดพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนเพื่อทำความสะอาด
• ในครอบครัว:
• หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
• สังเกตอาการของสมาชิกในครอบครัว
ข้อสรุป
โนโรไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดการเจ็บป่วยในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเชื้อมีความทนทานสูงและแพร่กระจายได้รวดเร็ว การป้องกันด้วยหลัก “สุก ร้อน สะอาด” และการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่เหมาะสม สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
ผลิตภัณฑ์แนะนำที่ช่วย Detox ของเสียในลำไส้
-
Sale Product on saleยาระบาย ชนิดแคปซูล ตราสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์400.00 บาท – 740.00 บาท
ผลิตภัณฑ์แนะนำที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
-
Sale Product on saleยาน้ำผสมพลูคาว450.00 บาท – 840.00 บาท
-
Sale Product on saleยาแคปซูลผสมพลูคาว ตราสมุนไพรคุณสัมฤทธิ์400.00 บาท – 740.00 บาท