Scarlet Fever ไข้อีดำอีแดง
ไข้อีดำอีแดง Scarlet Fever เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสชนิดเอ (Streptococcus group A) เชื้อจะมีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2-5 วัน สามารถสร้างสารพิษเรียกว่า ‘อิริโทรเจนิกท๊อกซิน’ (Erythrogenic toxin) ซึ่งทำให้เกิดผื่นที่คอหอย หรือต่อมทอนซิล ทำให้เกิดหนอง หรือมีจุดเลือดออกได้ ต่อมาผื่นจะมีสีเข้มขึ้นบริเวณรอยพับตามผิวหนัง โดยเฉพาะที่ข้อพับแขน เรียกว่า เส้นพาสเตีย (Pastia’ s line) หลังจากผื่นขึ้น 3-4 วันจะเริ่มจางหายไป หลังจากผื่นจางได้ 1 สัปดาห์จะมีอาการลอกเป็นแผ่นของผิวหนังบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ปลายนิ้วมือเท้า ส่วนตามลำตัวมักลอกเป็นขุยๆ อาการผิวลอกนี้บางรายอาจจะพบติดต่อกันได้นานเป็นเดือน
สาเหตุของการเกิดโรคไข้อีดำอีแดง
– หายใจสูดเอา ละอองฝอยของเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรดหรือติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงผ่านทางมือผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น
– มีไข้สูง เป็นอยู่ประมาณ 5-7 วัน ส่วนมากไข้จะลดลงภายใน 1 วัน หากได้รับยาปฏิชีวนะ
– เจ็บคอ แต่มักไม่พบอาการไอจากการติดเชื้อนี้
– มีปัญหาในการกลืนอาหาร คลื่นไส้อาเจียน
– หนาวสั่น ปวดศีรษะ
– ลิ้นแดงและบวมมากขึ้น ช่วงแรกจะพบว่า ลิ้นจะมีปื้นสีขาวคลุม เมื่อเปรียบเทียบกับต่อมรับรสที่บวมและแดงมากขึ้นเป็นตุ่มเล็กๆ จะทำให้มีลักษณะเหมือนผลสตรอเบอร์รี่
– คอแดง คออักเสบ ต่อมทอนซิลบวมแดง มีหนองคลุม
– ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดท้อง
– ความอยากอาหารลดลง อ่อนเพลีย และไม่มีแรง
วิธีแยกผื่นและอาการจากไข้อีดำอีแดงจากโรคผิวหนังอื่นๆ
– ผื่นมีลักษณะเหมือนกระดาษทราย เป็นตุ่มเล็กนูนจำนวนมาก บริเวณที่ผื่นขึ้นมีความสาก ส่วนมากขึ้นบริเวณแขนและหน้าอกมากกว่าบริเวณใบหน้า
– บริเวณรอบปากซีดลงเมื่อเปรียบเทียบกับบริเวณหน้าผากและแก้มที่แดงมากขึ้น
– เมื่อกดที่ตุ่มแดง ผิวบริเวณนั้นจะจางและขาวขึ้น ต่างกับผื่นจากโรคอื่นที่กดแล้วไม่จางลง
– พบเส้นสีเข้ม (Pastia) บนผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณข้อพับแขนทั้งสองข้าง ดูคล้ายบริเวณที่สัมผัสแสงแดด
การรักษาโรคไข้อีดำอีแดง
ใช้ยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนนิซิลิน (Penicillin) เช่น อะม็อกซิลลิน (Amoxicillin) เซฟาโลสปอริน (Cephalosporin) หลังทานยา ภายใน 24 ชั่วโมงแรก อาการของผู้ป่วยจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไข้ลดลง ผื่นยุบ ลอก แม้อาการจะดีขึ้น แต่ยังคงต้องทานยาจนครบ 10 วัน
โรคแทรกซ้อนจากไข้อีดำอีแดง
– แบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ สามารถก่อโรคไข้รูห์มาติก (Rheumatic fever) เกิดหัวใจอักเสบ ลิ้นหัวใจรั่ว และไตอักเสบได้ แต่พบได้น้อย ทั้งนี้ โรครูห์มาติกเป็นโรคหัวใจที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอง แต่เกิดจากผลของการกำจัดเชื้อแบคทีเรียของร่างกาย
– สามารถพบการเกิดโรคไข้อีดำอีแดงภายหลังการมีการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ โดยแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนี้ เป็นชนิดเดียวกับการเกิดการติดเชื้อพุพองที่ใบหน้า (Impetigo) อาการจะคล้ายกับการเกิดไข้อีดำอีแดงตามปกติ แต่แทนที่จะเกิดตามหลังอาการเจ็บคอของการติดเชื้อคออักเสบจะพบว่า มีการติดเชื้อที่ผิวหนังโดยเฉพาะรอบ ๆ แผลที่มีอยู่เดิม
– หน่วยไตอักเสบเฉียบพลันซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ (เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่างๆของร่างกาย)
– ฝีรอบทอนซิล (Throat Abscesses)
แนวทางการป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง
– ควรแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อให้อยู่เฉพาะบริเวณบ้าน ไม่ควรไปโรงเรียน หรือพบเพื่อน อย่างน้อยในช่วง 24 ชั่วโมงหลังได้รับยาปฏิชีวนะ หลังจากนั้นไข้อีดำอีแดงจะมีการแพร่กระจายเชื้อลดลง
– ล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะหลังไอ จาม หรือก่อนทานอาหาร
– ควรปิดปากขณะไอ จาม ไม่ใช้แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน
บทความที่น่าสนใจ
Hand Foot and Mouth Disease โรคมือ เท้า ปากในเด็ก
Shingles งูสวัด




