What could a lump in the lower abdomen be?คลำเจอก้อนที่ท้องน้อย เป็นอะไรได้บ้าง

What could a lump in the lower abdomen be? คลำเจอก้อนที่ท้องน้อย เป็นอะไรได้บ้าง

What could a lump in the lower abdomen be? คลำเจอก้อนที่ท้องน้อย เป็นอะไรได้บ้าง

ก้อนที่ท้องน้อยหรือปีกมดลูก ปีกมดลูกอาจเกิดได้จากภาวะปกติที่ไม่รุนแรง เช่น ฟอลลิเคิลในรังไข่ ไปจนกระทั่งโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งรังไข่ ซึ่งมักจะมาพบแพทย์ด้วยเรื่องมีก้อนที่ท้องน้อยหรือปีกมดลูก      การวินิจฉัยก้อนบริเวณนี้ต้องคำนึงถึงอายุของผู้ป่วยด้วย โดยเฉพาะในวัยก่อนมีประจำเดือน และหลังหมดประจำเดือน จำเป็นต้องตรวจอย่างละเอียด ทั้งนี้ต้องอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติม เช่น     ก้อนมีขนาดหรืออัตราการโตที่เร็วมากน้อยเพียงใด เป็นก้อนฝีหนอง หรือเลือดคั่งภายใน มีอาการเจ็บหรือไม่ เจ็บทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือปวดเรื้อรังเวลามีเพศสัมพันธ์ ปวดร่วมกับการมีประจำเดือนหรือไม่ เป็นต้น

เมื่อพบก้อนและตรวจ สิ่งที่จำเป็นคือการบรรยายลักษณะของก้อนที่เกิดขึ้นมา ดังนี้
– ตำแหน่งของก้อน อยู่ตำแหน่งไหน ตรงกลาง ด้านข้าง มีความสัมพันธ์กับมดลูกอย่างไร
– รูปร่าง เช่น รูปร่างกลม หรือรี
– พื้นผิว เช่น ขรุขระ เรียบ ขอบเขตชัดเจน
– ขนาดของก้อน
– สามารถขยับได้อย่างอิสระ หรือจำกัดในการขยับ
– ก้อนมีลักษณะนุ่มหรือเป็นก้อนแข็ง
-กดเจ็บหรือไม่

 ทั้งนี้จะต้องประเมินก้อนว่ามีโอกาสที่จะเป็นก้อนมะเร็งได้มากน้อยขนาดไหน โดยลักษณะของก้อนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็ง ได้แก่
– ก้อนเนื้อตัน หรือขรุขระ
– พบน้ำให้ช่องท้อง
– เกิดกับวัยก่อนมีประจำเดือน หรือวัยหลังหมดประจำเดือน
– มะเร็งอย่างอื่นนอกจากมะเร็งทางนรเวช เช่น มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น

ก้อนจากปัญหาทางนรีเวช ได้แก่ โรคของมดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ และอวัยวะข้างเคียง

– ก้อนจากมดลูก  ตำแหน่งมักจะอยู่ตรงกลาง จับขยับเคลื่อนไปกับปากมดลูก หรือต่อเนื่องกัน
– การตั้งครรภ์ ซึ่งบางครั้งประวัติการขาดประจำเดือนอาจไม่ชัดเจน การตรวจภายในจะพบว่ามดลูกนุ่ม และมีอาการแสดงต่าง ๆ ของการตั้งครรภ์ รวมทั้งการทดสอบการตั้งครรภ์ให้ผลบวก
– เนื้องอกมดลูก พบได้บ่อยมาก มดลูกมักจะโต แข็ง และขรุขระ ก้อนอาจกลมมีก้อนเดียวหรือหลายก้อน อาจจะอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก หรือใต้ชั้น serosa เป็นต้น ขนาดมักจะเล็กลงในวัยหลังหมดระดู
– adenomyosis มักปวดระดู ไม่ขรุขระ สม่ำเสมอ ขนาดมักไม่เกิน 12 สัปดาห์
– ความผิดปกติของท่อ Mullerian เช่น uterine didelphys
– มะเร็งมดลูก พบในสตรีสูงอายุ มีเลือดออกผิดปกติบ่อย ๆ
– ก้อนของท่อนำไข่
– ครรภ์นอกมดลูก
– ฝีหนองในอุ้งเชิงกราน (เป็นก้อนเชิงซ้อนของปีกมดลูกรวมทั้งท่อนำไข่ รังไข่)
– เนื้องอกหรือมะเร็งของท่อนำไข่ พบได้น้อยมาก
– ก้อนจากรังไข่ ได้แก่ functional cysts เนื้องอกรังไข่ และ endometriosis
– Functional cysts ก้อนที่ปีกมดลูกที่พบมากที่สุด เป็นถุงน้ำรังไข่ที่หายได้เองที่ไม่ใช่เนื้องอก (nonneoplasm) มีความสำคัญที่จะต้องแยกจากเนื้องอกรังไข่
1. Follicular cysts & corpus luteum cysts
2. Theca lutein cysts
3. Pregnancy luteoma
4. Sclerocystic ovaries
– Endometriotic cysts
– เนื้องอกรังไข่ ทั้งอาจเป็นชนิดไม่ใช้เนื้อร้าย และมะเร็ง

ก้อนจากปัญหานอกระบบสืบพันธุ์

ก้อนของทางเดินอาหาร
1. ก้อนอุจจาระในลำไส้ใหญ่ ซึ่งการตรวจภายในจะคลำได้ก้อนเป็นลำนุ่ม และเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนรูปได้เมื่อกด ฝีจากไส้ติ่งอักเสบ เป็นก้อนทางด้านขวา ค่อนข้างสูง มักติดแน่น แข็ง และกดเจ็บ
2. ก้อนจากฝีหนองใส้ติ่ง มักจะมีไข้ กดเจ็บ ตำแหน่งอยู่สูงขึ้นไปเหนือปีกมดลูก มักเจ็บมากที่สุดที่จุด Mc Burney บางทีย้อยลงไปในอุ้งเชิงกราน
3. มะเร็งของทางเดินอาหาร ผู้ป่วยมักมีเลือดออกมาในอุจจาระ ซีด และมีการเปลี่ยน แปลงของการทำงานของลำไส้ มะเร็งของลำไส้ใหญ่จะพบมากขึ้นตามอายุ และร้อยละ 80 จะเป็นข้างซ้าย อาจคลำได้จากการตรวจภายใน แต่มะเร็งของ cecum จะคลำได้เป็นก้อนทางด้านขวาของอุ้งเชิงกราน ลักษณะแข็งและขรุขระ

ก้อนของทางเดินปัสสาวะ
1. กระเพาะปัสสาวะโป่งซึ่งจะคลำได้ก้อนตรงกลางท้องน้อย ถ้าสวนปัสสาวะก้อนก็หายไป
2. pelvic kidney คลำได้ก้อนที่ปีกมดลูกได้
3. ก้อนของผนังหน้าท้อง

อัลตราซาวด์ (โดยเฉพาะทางช่องคลอด)
เป็นทางเลือกลำดับแรกในการประเมินก้อนในท้องน้อย หรือก้อนที่ปีกมดลูก ขั้นต้นอัลตราซาวด์จะช่วยแยกว่าเป็นก้อนที่รังไข่ มดลูก หรือไม่ใช่ก้อนทางนรีเวช แล้วจึงดูลักษณะจำเพาะต่าง ๆ ของก้อน แล้วประเมินร่วมกับลักษณะทางคลินิกอื่น ๆ อาจช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคหลายอย่าง
– ก้อนที่เป็นถุงน้ำไม่มีความเข้มเสียง echo ภายในเป็นแบบตาข่าย หรือใยแมงมุม ความเข้มเสียงต่ำ – ปานกลางแต่สม่ำเสมอเป็นเนื้อเดียวกัน ต่างแสดงว่าโอกาสน้อยมากที่จะเป็นมะเร็ง ลักษณะดังกล่าวบ่งชี้ว่าน่าจะเป็น ถุงน้ำธรรมดา ถุงน้ำเลือดออก เอ็นโดเมตริโอมา เดอร์มอยด์
– ลักษณะที่บ่งชี้มะเร็งได้แก่
1. มีส่วนเนื้อตัน (ไม่ใช่ส่วน hyperechoic) มักจะโตยื่น หรือตะปุ่มตะป่ำ
2. มีแผ่นกั้นแยก ซึ่งมีความหนาเกิน 2-3 มม.
3. มีการไหลเวียนเลือดในก้อน
4. มีน้ำในช่องท้อง
5. ก้อนตามเยื่อบุช่องท้อง ต่อมน้ำเหลืองโต หรือก้อนลำไส้ติดกัน (อาจดูยาก)
– ในมือผู้เชียวชาญ มักจะบอกลักษณะจำเพาะได้ค่อนข้างแม่นยำของก้อนต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น PCO, endometrioma, dermoid cyst หรือก้อนฝีหนอง เป็นต้น

แนวทางในการดูแลสตรีที่มีก้อนในท้องน้อย
แนวทางในการดูแลขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุ ลักษณะของก้อนจากการตรวจภายใน หรืออัลตราซาวด์ อาการ ภาวะแทรกซ้อนเช่น ก้อนแตก หรือบิดขั้ว
– มีภาวะแทรกซ้อนชัดเจน ควรได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน
– ก้อนในวัยเด็ก สงสัยเป็นถุงน้ำ แนะนำให้ตรวจติดตามด้วยอัลตราซาวด์ทุก 4 – 8 สัปดาห์
– ก้อนในวัยรุ่น ก้อนขนาดน้อยกว่า 10 ซม. (จากอัลตราซาวด์) ควรตรวจติดตามถึง 3 เดือน ในระหว่างติดตามให้ระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้ สำหรับก้อนที่มีขนาดใหญ่เกิน10 ซม. แนะนำให้ผ่าตัดเอาถุงน้ำออก
– ก้อนในวัยก่อนหมดระดู มักจะขึ้นกับลักษณะทางอัลตราซาวด์ที่ทำนายมะเร็งหรือไม่ (ก้อนเนื้องอกธรรมดาก็อาจให้ภาพอัลตราซาวด์คล้ายมะเร็งได้)
1. ก้อนเป็นถุงน้ำธรรมดา-ใส ขนาดน้อยกว่า 10 ซม. เป็นข้างเดียว ไม่มีน้ำในช่องท้อง และขยับได้ไม่ติด สามารถตรวจติดตาม 4-6 สัปดาห์ ประมาณร้อยละ 70 จะยุบไปเมื่อติดตามไปหลายรอบระดู
2. ก้อนขนาดใหญ่เกิน 10 ซม. หรือมีส่วนเนื้อตัน หรือเป็นสองข้าง หรือมีน้ำในช่องท้องหรือติด/จับขยับยาก อาจจะพิจารณาในการผ่าตัดออก
3. รายที่มีประวัติมะเร็งที่อื่น ซึ่งอาจกระจายมารังไข่ หรือมีน้ำในช่องท้อง หรือประวัติมะเร็งในญาติใกล้ชิด หรือ CA125 สูงเกิน 200 ยูนิต/มล ให้ส่งปรึกษาแพทย์ด้านมะเร็งนรีเวช ซึ่งจะคัดกรองมะเร็งมาได้ร้อยละ 70

ก้อนในวัยหลังหมดระดู
1. ก้อนถุงน้ำธรรมดาเดี่ยว ๆ ที่ไม่มีอาการ ร่วมกับ ระดับ CA125 ปกติ และตรวจทางนรีเวช/เซลล์วิทยาปกติ ถ้าขนาด 5 ซม.หรือน้อยกว่า ให้ตรวจติดตามด้วยอัลตราซาวด์และ CA125 ถ้าขนาดเกิน 5 ซม. ทำแลพพาโรสโคป
2. ก้อนที่ไม่ใช้ถุงน้ำธรรมดา หรือระดับ CA125 สูง หรือมีอาการ/รอยโรคทางคลินิก ให้ผ่าตัดเอารังไข่ออกทั้งสองข้าง
3. รายที่มีประวัติมะเร็งที่อื่น ซึ่งอาจกระจายมารังไข่ หรือมีน้ำในช่องท้อง หรือประวัติมะเร็งในญาติใกล้ชิด หรือ CA125 สูงเกิน 35 ยูนิต/มล หรือก้อนติด/ตะปุ่มตะป่ำ ให้ส่งปรึกษาแพทย์ด้านมะเร็งนรีเวช ซึ่งจะคัดกรองมะเร็งมาได้ร้อยละ 94

ก้อนในท้องน้อยที่พบได้บ่อย ๆ

ในที่นี้จะกล่าวถึงบางปัญหาพอเป็นสังเขป สำหรับก้อนที่พบบ่อย ๆ ซึ่งมีความสำคัญมาก เช่น เนื้องอกมดลูก ครรภ์นอกมดลูก endometrioma มะเร็งต่าง ๆ ได้แยกบทกล่าวไว้โดยละเอียดแล้ว

1. ถุงน้ำรังไข่
– Follicular cyst เกิดจากการไม่ตกไข่ น้ำในฟอลลิเคิลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บุด้วยเซลล์ granulosa ขนาดอาจจะโตถึง 7-8 ซม. แต่มักจะไม่เกิน 5 ซม. มักหายไปได้เองใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจอยู่ได้นาน อาจสร้างเอสโตรเจนได้มากระดูผิดปกติไม่สม่ำเสมอ ขาด ๆ หาย ๆ หรือเลือดออกกะปริดกะปรอย บางครั้งอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้เช่น การบิดขั้ว แตก มีอาการครรภ์นอกมดลูก ขณะที่ตรวจภายในต้องระวัง เพราะถุงน้ำนี้แตกง่าย
– Corpus luteum cyst หลังจากตกไข่แล้วคอร์ปัสลูเตียม จะมีเลือดอยู่ภายใน ซึ่งจะดูดซึมหายไปเอง แต่อาจจะมีเลือดออกหรือมีการคั่งของน้ำอยู่ภายในได้มากกลายเป็นถุงน้ำ ขนาดมักไม่เกิน 7-8 ชม.
– Theca lutein cyst เกิดจาก hCG ระดับสูงกระตุ้นรังไข่มากเกินไป ทำให้มี luteinization ของเซลล์ theca ในสโตรมาที่ล้อมรอบคอร์ปัสลูเตียม เซลล์ theca หนาตัว และคอร์ปัสลูเตียมกลายเป็นถุงน้ำ มักจะเป็น 2 ข้าง ประกอบด้วย cysts ผนังบางหลายอัน ขนาด ต่าง ๆ กันอยู่ในรังไข่ ทำให้รังไข่โตมากถึง 20-30 ซม.
– Pregnancy luteoma เป็นภาวะหนาตัวของของ luteinized theca cells ที่ เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์ จากการกระตุ้นของ HCG ในระดับปกติ ขนาดอาจจะโตได้ถึง 16 ซม. มักจะเป็นทั้ง 2 ข้าง มักเป็นเนื้อตัน และตรวจพบโดยบังเอิญขณะผ่าตัดทำคลอด จะหายไปเองหลังคลอด อาจสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจนได้มาก
– Polycystic ovary ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
– เนื้องอกรังไข่ เนื้องอกของรังไข่ทุกชนิดมีโอกาสที่จะกลายเป็นมะเร็งได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีเพียงร้อยละ 20 ที่พบว่าเป็นมะเร็ง บางครั้งจากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย อาจจะสามารถแยกเนื้องอกชนิดเนื้องอกธรรมดา (benign) ออกจากชนิดมะเร็ง (malignant) ได้
– Endometrioma เกิดจากการฝังตัวของต่อมหรือสโตรมาเยื่อบุโพรงมดลูกที่นอกโพรงมดลูก พบมากที่สุดที่รังไข่ และ cul-de-sac รังไข่อาจกลายเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำสีช็อคโกเลตอยู่ภายใน ขนาดมักไม่เกิน 12 ซม. แยกออกจากเนื้องอกของรังไข่ได้

2. ก้อนที่ท่อนำไข่
เนื้องอกของท่อนำไข่พบน้อยมาก พบเพียงร้อยละ 0.5 ของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี ก้อนของท่อนำไข่มักเกิดจากการอักเสบติดเชื้อ เช่น tuboovarian abscess และการตั้งครรภ์นอกมดลูก การแยกระหว่างก้อนของท่อนำไข่และรังไข่โดยการตรวจร่างกายอย่างเดียว ค่อนข้างยากมากก้อนที่ปีกมดลูก

ทำความรู้จักกับสมุนไพรน่ารู้

แก่นฝาง

ชื่ออื่น ฝาง ฝางเสน ฝางส้ม ง้าย ขวาง หนามโค้ง

สรรพคุณ แก่น บำรุงโลหิต แก้ปอดพิการ แก้ร้อนในกระหายน้ำ เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องร่วง ธาตุพิการ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก ขับเสมหะ แก้ไอ ขับระดู เป็นยาบำรุงโลหิตสตรี แก้กำเดา ทำโลหิตให้เย็น แก้โลหิตออกทางทวารหนักและเบา แก้คุดทะราด แก่นฝนกับน้ำเป็นยาทาภายนอกในโรคผิวหนังบางชนิด ฆ่าเชื้อโรค ขับหนอง น้ำต้มแก่นใช้แต่งสีแดงของน้ำยาอุทัย
นอกจากนี้ยังมีการใช้แก่นฝางในตำราโอสถพระนารายณ์ ซึ่งระบุการใช้ว่าแก้ความผิดปกติของอาโปธาตุ (ธาตุน้ำ) ประกอบเข้ากับเครื่องยาอีกหนึ่งอย่าง คือ เปลือกมะขามป้อม ใช้ในปริมาณเท่ากัน กินแก้ท้องเสียอย่างแรงและบิด

องค์ประกอบทางเคมี สารให้สีชมพูอมส้มถึงแดง (sappan red)คือ brazilin และพบ tannin

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีฤทธิ์ในการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคอาหารเป็นพิษ การต้านอนุมูลอิสระ และการต้านมะเร็งของ Human cell line

ข้อห้าม/ข้อควรระวัง ฝางมีฤทธิ์เป็นยาขับประจำเดือน ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด จึงไม่ควรนำไปใช้กับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงภายใน

สามสิบ (แบบกระปุก) ตรา คุณสัมฤทธิ์ สูตรใหม่

400.00 บาท740.00 บาท
Minus Quantity- Plus Quantity+

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า