Allergic Conjunctivitis โรคภูมิแพ้ขึ้นตาเรื้อรัง
โรคภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis) เกิดจากการที่เยื่อบุตาหรือเยื่อหุ้มเซลล์ของลูกตาไปสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่แพ้ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือสปอร์เชื้อรา เป็นต้น โดยมักเกิดการอักเสบที่บริเวณเยื่อบุตาขาว ทำให้เกิดอาการตาแดง คัน น้ำตาไหล สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
1. แพ้ตามฤดูกาล อาการผิดปกติมักเกิดขึ้นตามสภาพอากาศ มักเกิดซ้ำ ๆ ในช่วงเวลาเดิมของแต่ละเดือน
2. แพ้สารต่าง ๆ เช่น ไรฝุ่น อาหาร เกสรดอกไม้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขนตุ๊กตา เครื่องสำอาง ขนสัตว์ เป็นต้น
3. แพ้คอนแทคเลนส์ มักเจอเม็ดขนาดใหญ่ที่บริเวณเยื่อบุตา จึงต้องตรวจพื้นผิวเยื่อบุตาอย่างละเอียด
ประเภทของโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ หรือภูมิแพ้ขึ้นตา
– ภูมิแพ้ขึ้นตาอย่างเฉียบพลัน เกิดจากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ อย่างเช่น ขนแมว โดยดวงตาจะแดงมาก คัน มีน้ำตาไหล และบวม แต่อาการมักหายไปได้เองภายใน 24 ชั่วโมงหลังไม่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้แล้ว
– ภูมิแพ้ขึ้นตาตามฤดูกาล ภูมิแพ้ประเภทนี้มักไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงแต่อาการอยู่นาน โดยเฉพาะในช่วงไข้ละอองฟาง
– ภูมิแพ้ขึ้นตาตลอดทั้งปี อาการของโรคภูมิแพ้ขึ้นตาตลอดทั้งปีมักเกิดจากสารภูมิแพ้ที่พบในบ้านหรืออาคาร เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ และเชื้อรา
ภูมิแพ้ขึ้นตามักมีอาการ ดังต่อไปนี้
– ตาแดง หรือเปลือกตาบวมแดง
– คัน เคืองตา แสบตา
– มีขี้ตาเหนียว หรือน้ำตาไหล
– แพ้แสง
– อาจมีอาการภูมิแพ้ที่ผิวหนัง ทางเดินหายใจ ร่วมด้วย เช่น ผื่นคัน ลมพิษ ไอ จาม
ปกติแล้วหากพบการอักเสบที่บริเวณเยื่อบุตา มักมีอาการแพ้เพียงเล็กน้อย รักษาตามอาการก็ทุเลาลงได้ แต่ถ้าเป็นภูมิแพ้ที่กระจกตา นอกจากจะทำให้มีอาการแพ้รุนแรงกว่าแล้ว ถ้าละเลย ดูแลไม่เหมาะสม เผลอใช้มือที่สกปรกขยี้ตา ก็อาจเกิดแผลเรื้อรังหรือติดเชื้อที่กระจกตา ซึ่งอาจมีผลต่อการมองเห็นในระยะยาว หรือทำให้ตาบอดได้
การตรวจวินิจฉัยโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้
1. การซักประวัติและตรวจตา แพทย์จะทำการซักประวัติภูมิแพ้ที่เคยเป็น พร้อมทั้งตรวจตา หากพบสัญญาณของโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ แพทย์อาจให้เข้ารับการตรวจเพิ่มเติม
2. การทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนัง เพื่อตรวจดูว่าแพ้สารก่อภูมิแพ้ตัวใดอยู่
3. การตรวจเลือด เพื่อตรวจดูว่าร่างกายมีการสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมาต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้ เช่น เชื้อราหรือฝุ่น หรือไม่
4. การขูดเยื่อบุตา วิธีตรวจแบบการขูดเยื่อบุตา เพื่อเก็บตัวอย่างเยื่อบุตาไปตรวจดูว่ามีเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลสูงหรือไม่ ซึ่งหากมีเม็ดเลือดขาวชนิดนี้สูงจะบ่งบอกถึงอาการแพ้ได้
รักษาภูมิแพ้ขึ้นตา
วิธีการรักษาภูมิแพ้ขึ้นตา จักษุแพทย์ต้องทราบสาเหตุที่แน่ชัดเพื่อจะได้เลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้อง ได้แก่
1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ผู้ป่วยจะหลีกเลี่ยงได้ถ้ารู้ว่าตนเองแพ้อะไร แต่ถ้าไม่รู้จะยากในการเลี่ยง และสิ่งที่แพ้บางอย่างก็ยากจะเลี่ยง เช่น อากาศ ไรฝุ่น
2. การรักษาทางจักษุ เพื่อยับยั้งอาการและป้องกันโรคแทรกซ้อน หากมีอาการภูมิแพ้ขึ้นตา จักษุแพทย์จะให้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการอักเสบ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
– กลุ่มยาสเตียรอยด์ ข้อดีคือช่วยลดการอักเสบได้ดีที่สุด แต่ข้อเสียที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ต้อหิน ดังนั้นจักษุแพทย์จึงมักใช้ช่วงแรกในเวลาไม่นาน
– กลุ่มยาที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบได้ แต่ไม่เท่ากลุ่มยาสเตียรอยด์ ข้อดีคือไม่มีโรคแทรกซ้อน หยอดติดต่อกันได้นาน และทำให้เยื่อบุตาแข็งแรง ทนต่อสิ่งที่แพ้ได้มากขึ้น
การดูแลตนเองที่บ้าน
– ไม่ขยี้ตาเพราะจะทำให้อาการแย่ลง
– ใช้น้ำตาเทียมล้างตาเพื่อบรรเทาอาการคัน
– ประคบเย็นที่ดวงตาเพื่อบรรเทาอาการอักเสบและระคายเคือง
– ป้องกันตัวเองจากละอองเกสรโดยการสวมหมวกหรือแว่นกันแดดเมื่อออกนอกบ้าน และอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเมื่อถึงบ้านเพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่อาจติดมาด้วย
– ล้างมือก่อนสัมผัสดวงตาทุกครั้ง
การป้องกันโรคภูมิแพ้ขึ้นตา
เพื่อป้องกันโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ วิธีที่ได้ผลที่สุดคือการลดการสัมผัสกับสิ่งเร้าจากภายนอก ซึ่งแม้ว่าอาจจะทำได้ยากแต่มาตราการดังต่อไปนี้อาจสามารถช่วยได้
– ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ
– ใช้สบู่หรือผงซักฟอกแบบไม่มีน้ำหอม
– ทำความสะอาด ดูดฝุ่นภายในบ้านเพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้
– ลดการใช้พรม ตุ๊กตา ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้า เพราะเป็นแหล่งสะสมสารก่อภูมิแพ้
โรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้กับโรคตาแดง
1. โรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้เกิดจากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการ เช่น อาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหลในดวงตาทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้จะช่วยป้องกันอาการแพ้ได้
2. โรคตาแดงเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งอาการมักเกิดขึ้นในตาเพียงข้างเดียวก่อน แล้วจึงแพร่ไปยังดวงตาอีกข้าง อาจทำให้เกิดอาการคันตารุนแรงและโรคตาแดงสามารถติดต่อกันได้ง่าย