Finger Numbness อาการชาที่ปลายมือ

Finger Numbness อาการชาที่ปลายมือ

Finger Numbness อาการชาที่ปลายมือ

โดยปกติแล้วผิวหนังสามารถรับความรู้สึกได้หลายรูปแบบ ไม่วา่จะเป็น ความร้อน-เย็น ทู่-แหลม นุ่ม-แข็ง เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดกับผิดหวังของเรา การรับความรู้สึกอาการชาที่ปลายมือผิดปกติไปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ มากไป หรือ น้อยไป หากว่าการรับความรู้สึกที่มากเกินไป ไม่ว่าจะมีอะไรมาสัมผัสผิวหนัง เราก็จะรู้สึกมากกว่าปกติ แต่ในกรณีที่รับความรู้สึกน้อยไปนั้น มักจะเป็นความรู้สึกชา หรือรู้สึกหนา ๆ บริเวณผิวหนังนั้นเอง
ในที่นี้เราจะมาพูดถึงการรับความรู้สึกที่น้อยกว่าปกติ ซึ่งแต่ละสาเหตุและความรุนแรงของอากาารชาก็มีความแตกต่างกัน

อาการชาที่ปลายมือปลายเท้า

อาการนี้เป็นความผิดปกติที่ “ระบบประสาทส่วนปลาย” โดยส่วนมากจะเกิดกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องมาจากความเสื่อมของเส้นประสาท หากท่านมีอาการชาตามปลายมือปลายเท้าลองตรวจน้ำตาลในเลือด เพื่อตรวจวินิจฉัยคัดกรองโรคเบาหวาน และหากพบว่าเป็นโรคเบาหวานควรเข้ารับการรักษาทางการแพทย์

อาการชาตามเส้นประสาท

เมื่อถูกกดทับในบริเวณนั้น ๆ ท่านจะเกิดอาการชา เช่น อาการชาบริเวณฝ่ามือ หรือ นิ้วมือ หากมีการกดทับบริเวณข้อมือที่มีเส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) ลอดผ่าน ท่านอาจจะมีอาการชาบริเวณฝ่ามือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และ นิ้วนางครึ่งนิ้วได้

สาเหตุของอาการชาปลายนิ้ว

อาการชาปลายนิ้วมักเกิดจากเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงมือหรือเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณจากสมองเพื่อควบคุมการทำงานและการรับความรู้สึกของมือและนิ้วมือถูกกดทับ ได้รับการกระทบกระเทือน หรือเกิดความเสียหาย หรืออาจเป็นเหตุมาจากการเจ็บป่วยด้วยโรคและภาวะต่าง ๆ เช่น
 
กลุ่มอาการประสาทมือชา (Carpal Tunnel Syndrome) เส้นประสาทที่ควบคุมนิ้วมืออาจถูกกดทับหรืออุดตันอยู่ตรงข้อมือ ซึ่งอาจเกิดจากการใช้งานนิ้วมือบ่อย เช่น การพิมพ์คีย์บอร์ด
โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathy) เป็นโรคที่เส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับส่งคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางไปยังอวัยวะต่าง ๆ เกิดความเสียหาย เนื่องจากการได้รับบาดเจ็บหรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ฮอร์โมนขาดความสมดุล โรคไต โรคตับ
โรคเบาหวาน (Diabetes) ผู้ป่วยเบาหวานอาจเกิดภาวะอาการเส้นประสาทจากเบาหวาน (Diabetic Neuropathy) ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เส้นประสาทบริเวณมือและเท้า นำไปสู่อาการชาปลายนิ้วบริเวณนิ้วมือหรือนิ้วเท้าได้
ภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท (Cervical Radiculopathy) เกิดจากเส้นประสาทบริเวณคออักเสบหรือถูกกดทับ จนทำให้เกิดอาการชาคล้ายกับโรคการกดทับเส้นประสาทข้อมือ
การกดทับเส้นประสาทอัลนาร์ (Ulnar Nerve Entrapment) เกิดการกดทับบริเวณเส้นประสาทอัลนาร์ที่หล่อเลี้ยงควบคุมการทำงานของนิ้วนางและนิ้วก้อย ทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้วดังกล่าว
โรคเรเนาด์ (Raynaud’s Disease) เป็นอาการป่วยที่หลอดเลือดแดงเล็กที่อยู่ในนิ้วเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงปลายนิ้ว จึงเกิดอาการชาและอาจกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตได้ด้วย
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการอักเสบบวม และสร้างความเจ็บปวดบริเวณข้อต่อกระดูก ซึ่งทำให้เกิดอาการชา รู้สึกเหมือนเข็มตำ หรือปวดแสบปวดร้อนบริเวณมือและนิ้วมือได้
 
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้เส้นประสาทเสียหาย จนนำไปสู่อาการชาปลายนิ้วได้ เช่น
ภาวะขาดวิตามินบี
โรคพิษสุราเรื้อรัง 
ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน (Stroke)
การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) โรคซิฟิลิส (Syphilis) โรคเรื้อน (Leprosy) โรคไลม์ (Lyme Disease)
ซีสต์ที่ข้อมือ (Ganglion Cyst)
กระดูกข้อมือ หรือกระดูกมือแตกหัก
โรคอะไมลอยโดสิส (Amyloidosis)
โรคจีบีเอส หรือกิลแลง บาร์เร ซินโดรม (Guillain-Barré Syndrome)
โรคเอ็มเอส หรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
โรคหลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis)
โรคปากแห้งตาแห้ง หรือกลุ่มอาการโจเกรน (Sjogren’s Syndrome)
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น การทำเคมีบำบัด

5 โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการชาที่ปลายนิ้ว

1. โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) ปกติแล้วเส้นประสาทจะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างสมองกับอวัยวะต่าง ๆ หากเส้นประสาทมีปัญหาจะส่งผลให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติไปด้วย ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้
2. โรคเรย์นอด (Raynaud’s Disease) เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงเล็กของนิ้วเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดไปเลี้ยงปลายนิ้วไม่ได้
3. โรคเอ็นอักเสบที่ข้อมือ (De quervain’s Tenosynovitis) คือ โรคที่เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็น และเส้นเอ็นบริเวณข้อมือทางฝั่งนิ้วโป้งทำให้เกิดการกดทับของเส้นเอ็นภายใน
4. โรคเบาหวาน (Diabetes) ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจเกิดภาวะเสียหายกับเส้นประสาทบริเวณมือและเท้า นำไปสู่อาการชาปลายนิ้วบริเวณนิ้วมือ หรือนิ้วเท้าได้
5. โรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ คือ โรคในกลุ่มที่มีการกดทับของเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ซึ่งเกิดพังผืดที่หนาตัวขึ้นไปกดทับถูกเส้นประสาท ทำให้ช่องที่ให้เส้นเอ็นผ่านขณะงอ หรือเหยียดนิ้วแคบลง ส่งผลให้มีอาการปวดและชาตามนิ้ว เพราะเส้นประสาทถูกกดทับ

การรักษาอาการชาปลายนิ้ว

การรักษาอาการชาปลายนิ้วอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ ซึ่งอาจแบ่งออกได้ ดังนี้
การรักษาอาการชาปลายนิ้วด้วยตนเอง ผู้ที่มีอาการชาปลายนิ้วอาจบรรเทาอาการชาด้วยตนเองในเบื้องต้นได้ เช่น
1. หยุดพักการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกเจ็บ หรือมีอาการชาปลายนิ้ว
2. ปลดหรือคลายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและรองเท้าที่สวมใส่อยู่ให้หลวมขึ้น
3. ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ขยับนิ้วมือแขนขา เพราะการนั่งหรืออยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้ว
4. ออกกำลังบริหารร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณนิ้วและแขนขา เช่น ยืดและกางนิ้วให้ตึง สะบัดแขน หมุนไหล่
5. หากมีอาการอักเสบร่วมด้วย อาจลองนำน้ำแข็งห่อผ้าสะอาดเพื่อประคบเย็น โดยความเย็นอาจช่วยลดอาการบวมอักเสบได้
6. การใช้ยาแก้ปวด หรือยาต้านอาการอักเสบที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อรักษาอาการอักเสบของเส้นประสาทที่ทำให้ชาปลายนิ้ว เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน
การรักษาอาการชาปลายนิ้วโดยแพทย์ แพทย์อาจรักษาตามสาเหตุของอาการชาปลายนิ้ว ซึ่งการรักษาอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของอาการของแต่ละบุคคล เช่น
1. การใช้ยารักษาตามสาเหตุ เช่น การใช้ยารักโรคเบาหวาน หากชาปลายนิ้วเกิดจากโรคเบาหวาน หรือมให้วิตามินบี หากชาปลายนิ้วเกิดจากภาวะขาดวิตามินบี
2. การฉีดสเตียรอยด์ หากผู้ป่วยรับประทานยาแล้วไม่ได้ผล แพทย์อาจรักษาด้วยการฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบที่เป็นสาเหตุของอาการชาปลายนิ้ว
3. การใส่เฝือก ใส่ผ้ารัดบริเวณข้อมือและข้อศอก เพื่อให้กระดูกบริเวณนั้นอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นการรักษาภาวะกระดูกกดทับเส้นประสาท
4. การใส่ถุงมือทางการแพทย์ (Compression glove) หรือถุงเท้าทางการแพทย์ (Compression sock) เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งอาจช่วยให้ชาปลายนิ้วดีขึ้น
5. การทำกายภาพบำบัด โดยแพทย์อาจแนะนำท่าบริหารต่าง ๆ เพื่อช่วยให้สามารถขยับนิ้วได้มากขึ้น บรรเทาอาการปวดและชาที่เกิดขึ้นที่ปลายนิ้วหรือบริเวณมือ
6. การผ่าตัด แพทย์อาจทำการผ่าตัดเส้นประสาทถูกกดทับหรือได้รับความเสียหายในผู้ป่วยบางราย โดยการผ่าตัดนำกระดูก เนื้อเยื่อ หรือสิ่งที่กดทับเส้นประสาทออก

การป้องกันอาการชาปลายนิ้ว

ชาปลายนิ้วเป็นอาการที่สามารถป้องกันได้หลายวิธี เช่น
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และให้สารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี หรืออาจรับประทานอาหารเสริมหากมีภาวะขาดวิตามินและธาตุต่าง ๆ โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้อาหารเสริมเสมอ
ควรหยุดพักจากการทำงาน การอยู่ในท่าเดิม หรือการทำกิจกรรมซ้ำ ๆ เป็นระยะทุก 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณมือและข้อมือ เช่น ใช้หมอนรองข้อมือในขณะพิมพ์งานด้วยคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
ออกกำลังกายเพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ หรือพิลาทิส
ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บบริเวณกระดูกคอ เช่น ไม่ยกของหนัก ไม่เคลื่อนไหวท่าเดิมซ้ำ ๆ ไม่นั่งหรืออยู่ในท่าที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพ
งดดื่ม หรือไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป

ทำความรู้จักกับสมุนไพรน่ารู้

สรรพคุณ ผล ช่วยเจริญอาหาร แก้อาเจียน บิด ขับเหงื่อ ขับลม เป็นเครื่องเทศ เครื่องแต่งสี กลิ่น รส ที่มีบทบาทสำคัญมากในอาหารไทยแทบทุกชนิด แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว กลาก หิต บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม แก้เส้นเอ็นพิการ แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ใช้ต้นสุกเป็นถ่านแช่น้ำดื่ม ใบ แก้อาการคันจากมดคันไฟ

นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตลดอาการเหน็บชา แต่การใช้ควรระวังหรือปรึกษาแพทย์/แพทย์แผนไทยก่อนเสมอ

องค์ประกอบทางเคมี สารเคมีในพริก  แคปไซซิน (Capsaicin)  ไดไฮโดรแคปไซซิน (Dihydrocapsaicin)  นอร์ไดไฮโดรแคปไซซิน (Nordihydrocapsaicin)  โฮโมไดไฮโดรแคปไซซิน (Homodihydrocapsaicin) เป็นต้น

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด ฤทธิ์ต้านเชื้อรา ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงร่างกาย

เอ็นดี (ปวดเมื่อย) ตรา คุณสัมฤทธิ์

400.00 บาท740.00 บาท

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top