Menstrual tampon ผ้าอนามัยแบบสอดใช้ยังไงถึงไม่เสี่ยงติดเชื้อ
ผ้าอนามัยแบบสอด เป็นผ้าอนามัยประเภทหนึ่ง ซึ่งผ้าอนามัยนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือนผ้าอนามัยแบบสอดในไทยอาจไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักเนื่องจากใส่ยาก แต่มีข้อดีตรงที่คล่องตัวกว่าสำหรับบางกิจกรรม เช่น ว่ายน้ำ เป็นต้น ทว่าผ้าอนามัยแบบสอดนั้นปลอดภัยหรือไม่เมื่อเทียบกับผ้าอนามัยแบบธรรมดา นั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิง ควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เพราะหากใช้โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับผ้าอนามัยแบบสอดก็อาจทำให้ใช้ผิดวิธีและก่อให้เกิดอันตรายได้
ผ้าอนามัยแบบสอด มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายแท่งสำลีอัดแข็ง โดยมีเชือกขนาดไม่ยาวนักติดอยู่ที่ส่วนปลายเพื่อให้สะดวกต่อการใช้ โดยผู้หญิงจะสอดผ้าอนามัยชนิดนี้เข้าไปภายในช่องคลอดสำหรับซับเลือดประจำเดือน หากต้องการนำออกมาก็ดึงที่ปลายเชือก ทั้งนี้ ผ้าอนามัยแบบสอดส่วนใหญ่จะใส่ไม่ยากเนื่องจากผู้ผลิตจะใส่แท่งพลาสติกขนาดเล็กมาในบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ดันผ้าอนามัยเข้าไปในช่องคลอด นอกจากนี้ ผ้าอนามัยแบบสอดยังมีหลายขนาดให้เลือกทั้งชนิดหนาและบางตามปริมาณประจำเดือนของผู้หญิงแต่ละคน
3 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการใส่ผ้าอนามัยแบบสอด

1. ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนจับหรือใส่ตัวแท่งผ้าอนามัยแบบสอด เพื่อป้องกันเชื้อโรคบนมือปนเปื้อน
2. ยืนโดยยกขาขึ้นข้างหนึ่งให้สูงกว่าอีกข้าง หรือจะนั่งบนโถส้วมก็ได้ จากนั้น ใช้นิ้วช่วยเปิดช่องคลอดเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วกลางค่อย ๆ ดันตัวแท่งผ้าอนามัย เข้าไปในช่องคลอด ปล่อยให้เชือกห้อยอยู่นอกร่างกาย
3. หากตัวผ้าอนามัยแบบสอด มีอุปกรณ์ช่วยดันติดมาด้วย ให้ดันเข้าไปจนถึงจุดที่มีเครื่องหมายกำหนด แล้วดึงอุปกรณ์ออก ปล่อยให้เชือกอยู่ด้านนอกเช่นกัน
หากใส่ได้ลึกพอ จะรู้สึกสบายตัว ไม่อึดอัด แต่รู้สึกขัด ๆ เจ็บ ๆ อาจเป็นเพราะดันแท่งผ้าอนามัยได้ไม่ลึกพอ ให้ดันเข้าไปนิด ถ้าไม่หาย ให้ถอดออก แล้วเปลี่ยนอันใหม่

ข้อห้ามใช้ของผ้าอนามัยแบบสอด
1. ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หากไม่มีประจำเดือน
2. ระวังการติดเชื้อ ท็อกซิกช็อก (Toxic Shock syndrome: TSS) การติดเชื้อจนทำให้มีไข้สูงเฉียบพลัน
3. ถ้าไม่จำเป็น ไม่ควรใส่ตอนนอน
4. ห้ามใส่ตอนมีเพศสัมพันธ์ เพราะหากผ้าอนามัยถูกดันเข้าไป จะเอาออกได้ยาก
5. ถ้าทำตก ห้ามนำกลับมาใช้เด็ดขาด
ข้อดีของการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
– ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าหากต้องเล่นกีฬาหรือกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะผ้าอนามัยแบบสอดนั้นจะให้ความรู้สึกที่คล่องตัวและไม่อึดอัดเหมือนการใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่น
– สามารถใช้ขณะอยู่ในน้ำได้ หากต้องลงน้ำหรือว่ายน้ำขณะมีประจำเดือน ผ้าอนามัยแบบสอดจะช่วยดูดซับเลือดประจำเดือนได้ แต่ควรรีบเปลี่ยนเมื่อขึ้นจากน้ำ เนื่องจากผ้าอนามัยแบบสอดนั้นไม่กันน้ำ
– สะดวกต่อการพกพา เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่าผ้าอนามัยชนิดแผ่น
ข้อเสียของการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
– เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง และก่อให้เกิดกลุ่มอาการท็อกซิกช็อก (Toxic Shock syndrome: TSS) ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
กลุ่มอาการท็อกซิกช็อก (Toxic Shock syndrome: TSS)
กลุ่มอาการท็อกซิกช็อก (Toxic Shock syndrome: TSS) หรือ การติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุดในการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด แม้จะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่อาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ สาเหตุของภาวะดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากพิษของ เชื้อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus Aureus) กลุ่มเอที่มีความรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับผู้ที่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดชนิดซึมซับได้ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากจะทำให้ระยะห่างของการเปลี่ยนผ้าอนามัยยาวขึ้น จนก่อให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อและกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้ในที่สุด โดยพิษจากการติดเชื้อดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้ ได้แก่
– ไข้สูงเฉียบพลัน
– ความดันโลหิตต่ำ
– ท้องเสีย หรืออาเจียนอย่างรุนแรง
– มีผื่นคล้ายถูกแดดเผาขึ้นบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า
– ปวดศีรษะ เกิดอาการมึนงง
– ปวดกล้ามเนื้อ
– ตา ปาก และคอแดงผิดปกติ
– เกิดอาการชัก
หากพบว่าตัวเองมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะเกิดกลุ่มอาการท็อกซิกช็อก ควรหยุดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด และรีบไปพบแพทย์โดยทันที
ใส่ผ้าอนามัยแบบสอดแล้วจะปัสสาวะยังไง
ผู้หญิงหลายคนเข้าใจว่า ช่องปัสสาวะกับช่องคลอดเป็นช่องเดียวกัน ความจริงแล้วช่องทั้งสองแยกจากกัน การใส่ผ้าอนามัยแบบสอด จึงไม่เกี่ยวกับการปัสสาวะแต่อย่างใด โดยหลายคนแนะนำว่า เวลาปัสสวะ ก็ให้จับเชือกที่ยื่นออกมาไว้ด้วย กันเลอะเท่านั้นเอง แต่มันจะไม่หลุดออกมาเองแน่นอน
ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด แล้วจะทำให้ช่องคลอดขยายและทำให้เยื่อพรหมจารีย์ขาดหรือไม่
ผ้าอนามัยแบบสอดไม่ทำให้ช่องคลอดขยาย และเยื่อพรหมจารีย์ของผู้หญิงนั้น มีรูสำหรับให้ประจำเดือนไหลออกมาอยู่แล้ว การสอดใส่ผ้าอนามัย จึงไม่ใช่สาเหตุทำให้เยื่อพรหมจารีย์ขาด และการขยายตัวของผ้าอนามัยเมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้ว จะขยายตามสรีระของคนนั้นๆ จึงไม่ทำให้ช่องคลอดขยาย




