Lochia สีของน้ำคาวปลา

Lochia สีของน้ำคาวปลา

Lochia สีของน้ำคาวปลา

น้ำ-คาวปลา เป็นสารคัดหลั่งที่ถูกขับออกจากโพรงมดลูกหลังการคลอดลูก ประกอบไปด้วยเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอก (decidua), เม็ดเลือดแดง, เซลล์จากโพรงมดลูก และแบคทีเรีย โดยน้ำ-คาวปลานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของสีและลักษณะตามช่วงเวลาหลังคลอด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้

1. วันที่ 1-3 (Rubra)

• สี: แดงเข้ม
• ลักษณะ: คล้ายน้ำเลือด มีชิ้นส่วนเนื้อเยื่อที่หลุดลอกผสมอยู่ โดยลักษณะอาจมีลิ่มเลือดขนาดเล็กปนออกมา ซึ่งขนาดลิ่มเลือดไม่ควรใหญ่เกินผลลูกพลัม หากพบลิ่มเลือดขนาดใหญ่หรือปริมาณเลือดออกมากเกินไป ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะตกเลือดหลังคลอด

2. วันที่ 4-10 (Serosa)

• สี: สีชมพูจางหรือสีน้ำตาล
• ลักษณะ: มีความเหลวมากขึ้นเมื่อเทียบกับระยะแรก คาวปลาในช่วงนี้ประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก และของเหลวอื่น ๆ จากมดลูก

3. วันที่ 7-14 (Alba)

• สี: สีเหลืองจางจนถึงสีขาว
• ลักษณะ: คล้ายครีมหรือมีลักษณะเป็นมูกโปร่งใส ช่วงนี้ร่างกายเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นตัว เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกเริ่มลดปริมาณลง และคาวปลามักจะใสมากขึ้น

หมายเหตุ: น้ำ-คาวปลามักมีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ และอาจคงอยู่ได้นานถึง 4 – 8 สัปดาห์หลังคลอด

ควรทำอย่างไรเมื่อมีน้ำ-คาวปลา?

การดูแลสุขอนามัยในช่วงที่มีน้ำ-คาวปลานั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณแม่หลังคลอดควรปฏิบัติดังนี้:

1. เลือกใช้ผ้าอนามัยที่เหมาะสม
• ในช่วงแรกหลังคลอด น้ำคาวปลามักมีปริมาณมาก จึงควรใช้ผ้าอนามัยชนิดใหญ่พิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้หญิงหลังคลอด
• เตรียมผ้าอนามัยไว้ในปริมาณมากเพียงพอสำหรับการเปลี่ยนบ่อย ๆ

2. ล้างมือให้สะอาด
• ควรล้างมือทุกครั้งก่อนเปลี่ยนผ้าอนามัย เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อจากแบคทีเรีย

3. อาบน้ำวันละครั้งเป็นอย่างน้อย
• การอาบน้ำช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และช่วยให้ร่างกายสดชื่น

4. ดูแลแผลฝีเย็บ (หากมี)
• หากมีการเย็บแผลบริเวณฝีเย็บหลังคลอด ควรทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ

5. หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือถ้วยอนามัย
• ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจนกว่าจะถึงการตรวจหลังคลอดที่ 6 สัปดาห์ เพราะช่องคลอดและมดลูกอาจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

น้ำ-คาวปลาจะหมดไปเมื่อใด?

น้ำ-คาวปลาจะลดปริมาณลงเรื่อย ๆ และควรหมดไปภายใน 4 – 8 สัปดาห์หลังคลอด อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจมีปัจจัยที่ทำให้น้ำ-คาวปลาไหลออกมากกว่าปกติในบางช่วง เช่น

1. ขณะให้นมบุตร
• การให้นมบุตรกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูกและการขับน้ำ-คาวปลาออก

2. ช่วงตื่นนอนตอนเช้า
• น้ำ-คาวปลาจะลดปริมาณลงเรื่อย ๆ และควรหมดไปภายใน 4 – 8 สัปดาห์หลังคลอด อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจมีปัจจัยที่ทำให้น้ำ-คาวปลาไหลออกมากกว่าปกติในบางช่วง เช่น

3. การออกกำลังกาย
• การเคลื่อนไหวหรือออกแรงอาจกระตุ้นให้มดลูกขับน้ำ-คาวปลาออก

4. ระหว่างการขับถ่าย
• การขับปัสสาวะหรืออุจจาระอาจทำให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นและน้ำ-คาวปลาถูกขับออกมา

ข้อควรระวัง

หากน้ำ-คาวปลามีสีและกลิ่นที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็นรุนแรง หรือมีสีแดงสดอย่างต่อเนื่องเกินช่วงเวลา 10 วันแรก ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะผิดปกติในโพรงมดลูก การดูแลสุขภาพในช่วงหลังคลอดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ผลิตภัณฑ์แนะนำที่ดูแลภายในผู้หญิง

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top