How should a child’s development progress in the first 5 years? ช่วง 5 ปีแรก ลูกต้องมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง
พัฒนาการเด็กเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพัฒนาการวัยทารกและในช่วง 1-5 ปีแรก พ่อแม่ควรเฝ้าดูพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กเติบโตอย่างสมบูรณ์ทุกด้าน หรือหากมีปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้แต่เนิ่น ๆ ดังนั้น พ่อแม่ควรทราบถึงพัฒนาการที่เหมาะสมของลูกน้อยตามช่วงวัย เรียนรู้วิธีส่งเสริมพัฒนาการ และหัดสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อคอยดูแลให้เด็กเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย พัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป เด็กบางคนอาจมีพัฒนาการรวดเร็วหรือช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เด็กส่วนใหญ่มักมีพัฒนาการด้านร่างกาย สติปัญญา ภาษา อารมณ์ และสังคมในแต่ละช่วงอายุ ดังนั้น
เด็กอายุ 18 เดือน หรือ 1.5 ขวบ
เป็นช่วงวัยกำลังหัดเดิน เด็กจะเจริญเติบโตช้าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วง 0-12 เดือนแรก แต่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย การใช้ภาษา การเรียนรู้ การทรงตัว และการประสานงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
พัฒนาการทางร่างกาย
– เริ่มควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ปัสสาวะและขับถ่ายได้ แต่อาจยังไม่พร้อมต่อการใช้ห้องน้ำ
– เดินได้โดยไม่ต้องคอยช่วยเหลือ และเริ่มหัดวิ่งแต่ยังไม่ค่อยคล่องตัวหรืออาจหกล้มบ่อย ๆ
– เดินขึ้นบันไดได้โดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้
– เริ่มถอดเสื้อผ้าชิ้นที่ถอดออกง่ายได้ด้วยตนเอง เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า เป็นต้น
– ดื่มน้ำจากแก้วหรือใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้โดยหกเลอะเพียงเล็กน้อย
– ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่สูงมากได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
– เปิดหนังสือโดยจับทีละ 2-3 หน้า
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
– พูดออกมาเป็นคำ ๆ ได้มากขึ้นหลายคำ โดยเป็นคำใหม่ ๆ ที่มีความหมาย และไม่ใช่คำว่าพ่อแม่ ชื่อคนคุ้นเคย ชื่อของ หรือชื่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน
– พูดพร้อมกับส่ายหัวเพื่อบอกปฏิเสธ
– ชี้สิ่งของเพื่อบอกว่าอยากได้หรือเพื่อให้ผู้ใหญ่สนใจ
– เรียนรู้ชื่อและวัตถุประสงค์ของการใช้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แปรงสีฟัน ช้อน โทรศัพท์ เป็นต้น
– ชี้และระบุชื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือหลาย ๆ ส่วนได้
– แสดงความสนใจเมื่อเล่านิทานให้ฟังและมองภาพตาม
– ทำตามคำสั่งง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้ท่าทางประกอบ เช่น ลุกขึ้น นั่งลง เป็นต้น
– มักเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่
– เริ่มวาดขีดเขียนบนกระดาษหรือพยายามวาดรูปตามต้นแบบ
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
– ให้ความสนใจตุ๊กตาและเล่นป้อนอาหารให้ตุ๊กตา
– ชอบเล่นโดยถือสิ่งของต่าง ๆ ไปยื่นให้คนอื่น
– อาจแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวหรือโกรธ
– อาจกลัวคนแปลกหน้า และเกาะติดพ่อแม่หรือผู้ดูแลเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
– แสดงความกังวลเมื่อต้องแยกจากพ่อแม่หรือคนที่คุ้นเคย
– แสดงความรักต่อคนที่ตนคุ้นเคย เช่น จูบแบบปากจู๋ เกาะแขน เป็นต้น
– เดินดูสิ่งต่าง ๆ ตามลำพังได้ แต่ยังอยู่ในระยะใกล้กับผู้ดูแล
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
– เดินไม่ได้
– ไม่ชี้สิ่งต่าง ๆ ให้ดู
– ไม่รู้ว่าสิ่งของที่ใช้เป็นประจำทุกวันคืออะไร หรือใช้เพื่ออะไร
– ไม่เลียนแบบท่าทางของคนอื่น ๆ
– ไม่เรียนรู้คำใหม่ ๆ หรือรู้คำศัพท์น้อยกว่า 4 คำ ซึ่งไม่รวมคำเรียกพ่อแม่อย่างปาป๊า มาม้า ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของ
– ไม่แสดงความสนใจเมื่อพ่อแม่เพิ่งกลับมา หรือดูไม่กังวลเมื่อต้องห่างจากพ่อแม่
– สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี
เด็กอายุ 2 ขวบ
ในช่วงนี้พ่อแม่อาจเริ่มฝึกให้เด็กเข้าห้องน้ำได้แล้ว เพราะเด็กจะเริ่มรู้ตัวเมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระและแสดงท่าทางว่าต้องการขับถ่าย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเด็กพร้อมต่อการใช้ห้องน้ำและอาจไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมอีกต่อไป รวมทั้งยังมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ ดังนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
– ยืนเขย่งเท้าได้ และยกสิ่งของขณะยืนได้โดยไม่เสียการทรงตัว
– เตะและทุ่มลูกบอลโดยยกแขนสูง วิ่งได้คล่องตัวกว่าเดิม
– ไต่ขึ้นลงเตียงหรือเก้าอี้ได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
– ขึ้นลงบันได้โดยยังต้องจับราว
– เปิดลูกบิดประตูได้
– เปิดหนังสือทีละ 1 หน้าได้
– เริ่มใส่เสื้อผ้าชิ้นที่สวมใส่ง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง แต่จะถนัดถอดออกมากกว่า
– วาดเส้นและวงกลมตามต้นแบบได้
– ต่อบล็อกของเล่นเป็นหอสูง 4 ก้อนได้โดยไม่ล้ม
– เริ่มมีฟันน้ำนมงอกขึ้นมา
– มีพัฒนาการด้านการมองเห็นเพิ่มมากขึ้น
– เด็กจะสูงประมาณครึ่งหนึ่งของความสูงเมื่อโตเต็มที่
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
– แสดงท่าทางสื่อสารถึงสิ่งที่ตนต้องการได้ เช่น หิว กระหายน้ำ อยากเข้าห้องน้ำ เป็นต้น
– พูดเป็นวลีสั้น ๆ ที่ไม่ใช่คำนาม 2-3 คำ หรือพูดประโยคสั้น ๆ 2-4 คำ เช่น ร้องเพลง อาบน้ำ หรือกินนม เป็นต้น และพูดซ้ำตามบทสนทนาที่ได้ยิน
– เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนกว่าเดิม เช่น หยิบบอลและใส่รองเท้า ถอดรองเท้าแล้ววางบนชั้น เป็นต้น
– เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 50-300 คำ และอาจมากกว่านี้ในรายที่มีพัฒนาการเร็ว
– รับรู้ต่อสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
– อาจถนัดใช้มือข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง
– เริ่มแยกแยะรูปทรงและสีต่าง ๆ ได้
– ชี้รูปภาพได้ถูกต้องตามคำบอก หรือระบุได้ว่าเป็นรูปอะไร เช่น นก ปลา แมว หมา เป็นต้น
– จดจำชื่อของคนที่คุ้นเคย และระบุชื่ออวัยวะต่าง ๆ บนร่างกายได้
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
– เลียนแบบพฤติกรรมและท่าทางของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่และเด็กที่โตกว่า
– ตื่นเต้นและกระตือรือร้นเมื่ออยู่กับเด็กคนอื่น ๆ
– พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
– แสดงความดื้อและต่อต้าน โดยทำในสิ่งที่ถูกห้ามหรือเตือน
– ยังแยกเล่นคนเดียวแม้จะนั่งข้างเด็กคนอื่น แต่ก็เป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มเล่นกับเด็กคนอื่น
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
– เดินไม่มั่นคง หรือไม่คล่องตัว
– ยังไม่เริ่มพูดเป็นวลีหรือประโยคสั้น ๆ เช่น กินข้าว กินนม อาบน้ำ เป็นต้น
– ไม่รู้ว่าสิ่งของที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันใช้ทำอะไร เช่น จาน ชาม ช้อน แปรงสีฟัน เป็นต้น
– ไม่เลียนแบบพฤติกรรม คำพูด หรือคำศัพท์จากผู้อื่น
– ทำตามคำบอกง่าย ๆ ไม่ได้
– สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี
เด็กอายุ 3 ขวบ
เด็กช่วงวัยนี้ชอบเล่นสมมติบทบาทต่าง ๆ และมีจินตนาการมาก ทำให้เด็กอาจเกิดความกลัวต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น ความมืด หรือสัตว์ประหลาด เป็นต้น พ่อแม่จึงควรรับฟังอย่างตั้งใจเมื่อเด็กพูดถึงสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งคอยปลอบและอยู่เป็นเพื่อนให้เด็กหายวิตกกังวล
พัฒนาการทางร่างกาย
– ทรงตัวดีขึ้นกว่าเดิม กระโดดขาเดียวได้ ทรงตัวยืนขาเดียวได้ในเวลาสั้น ๆ
– วิ่งและปีนป่ายอย่างคล่องตัว ก้าวขึ้นลงบันไดอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องจับราวบันได
– ใส่และถอดเสื้อผ้าได้ด้วยตนเอง
– วางวัตถุหรือรูปทรงขนาดเล็กลงล็อกได้
– ปั่นจักรยาน 3 ล้อได้
– วาดรูปวงกลมโดยใช้ดินสอหรือดินสอสี
– มีพัฒนาการทางการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
– มีฟันน้ำนมครบ 20 ซี่
– อาจกลั้นปัสสาวะและอุจจาระได้ในตอนกลางวัน บางรายอาจกลั้นได้ในเวลากลางคืนด้วย
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
– ปฏิบัติตามคำบอก 2-3 ขั้นตอนได้
– เข้าใจคำบอกตำแหน่ง เช่น ใน บน ข้างใต้ ข้างล่าง เป็นต้น
– พูดชื่อตัวเอง อายุ และเพศ หรือบอกชื่อเพื่อนได้
– เริ่มใช้คำสรรพนามแทนตัวเอง หรือระบุลักษณะนามสิ่งของบางอย่างได้
– พูดสนทนาได้ยาวขึ้น โดยใช้ 2-3 ประโยค และสื่อสารให้คนแปลกหน้าเข้าใจได้
– เล่นแสดงบทบาทสมมติเป็นเรื่องราว โดยเล่นกับตุ๊กตา สัตว์ หรือคนอื่น ๆ
– เข้าใจและจดจำตัวเลขได้มากขึ้น
– วาดรูปวงกลมด้วยดินสอหรือสี
– เปิดและปิดฝาขวดได้
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
– พยายามเลียนแบบผู้ใหญ่และเพื่อน
– แสดงความรักต่อเพื่อนโดยไม่ต้องถูกกระตุ้นหรือบอก
– แสดงความวิตกกังวลเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้
– รู้จักรอและเปลี่ยนให้เพื่อนเล่นเมื่อถึงคราวของเพื่อน
– เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ รู้ว่าอันไหนเป็นของตนเองหรือของคนอื่น
– แสดงอารมณ์อย่างหลากหลายมากขึ้น
– แยกจากพ่อแม่ได้ง่ายขึ้น ไม่แสดงความวิตกกังวลเหมือนช่วงก่อน
– อาจหงุดหงิดเมื่อกิจกรรมหลักที่ต้องทำทุกวันมีการเปลี่ยนแปลง
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
– มีปัญหาในการเดินขึ้นลงบันได
– มีน้ำลายไหลออกจากปาก
– พูดเป็นประโยคไม่ได้ หรือพูดไม่ชัดเป็นอย่างมาก
– ไม่เข้าใจคำบอกหรือคำแนะนำง่าย ๆ
– เล่นของเล่นง่าย ๆ ไม่ได้
– ไม่เล่นบทบาทสมมติเป็นผู้อื่น
– ไม่สบตาคนอื่น
– สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี
เด็กอายุ 4 ขวบ
เป็นวัยก่อนเข้าเรียนอนุบาล ในช่วงนี้เด็กจะพูดได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจนขึ้น เริ่มวาดรูปหน้าคนและแขนขา เรียนรู้ที่จะกินอาหารได้ด้วยตนเอง เริ่มแยกแยะตัวเลขและสีต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
– การทรงตัวดีขึ้น กระโดดขาเดียวได้โดยไม่สูญเสียการทรงตัว
– ทุ่มบอลได้โดยมีการประสานงานของร่างกายที่ดีขึ้น
– สามารถตัดกระดาษตามรูปภาพโดยใช้กรรไกรได้
– อาจยังฉี่รดที่นอนอยู่
– มีพัฒนาการด้านการมองเห็นที่ดีขึ้น
– นอนวันละ 11 – 13 ชั่วโมง แต่มักไม่นอนกลางวัน
– สูงขึ้นกว่าตอนแรกเกิด 2 เท่า
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
– รู้คำศัพท์เพิ่มขึ้น และแต่งประโยค 4-5 คำได้ง่าย ๆ
– รู้จักสีบางสี เลขบางตัว และเริ่มนับเลขได้
– พูดชื่อและนามสกุลของตัวเองได้
– ขี้สงสัยและถามคำถามมากมาย
– อาจใช้คำที่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจดีพอ และเริ่มใช้คำไม่สุภาพหรือคำหยาบคาย
– พูดเรื่องราวส่วนตัวของครอบครัวให้คนอื่นฟัง
– ร้องเพลงง่าย ๆ ได้
– วาดรูปคนโดยมีใบหน้าและแขนขา
– พยายามทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
– เข้าใจเกี่ยวกับหลักการของเวลามากขึ้น
– แยกความแตกต่างระหว่างวัตถุ 2 ชนิดได้ โดยดูจากขนาดและน้ำหนัก
– จำเรื่องราวต่าง ๆ ได้บางส่วน
– ยังไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
– ชอบและสนุกกับการได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ
– เล่นบทบาทสมมติที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังไม่อาจแยกระหว่างบทบาทสมมติกับเรื่องจริงได้
– มักมีเพื่อนในจินตนาการ
– ชอบเล่นกับเพื่อน ๆ มากกว่าเล่นคนเดียว และเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กคนอื่น ๆ
– พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ตนชอบและสนใจ
– อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น
– แสดงความต่อต้านหากถูกคาดหวังให้ทำสิ่งใดมากเกินไป
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
– กระโดดอยู่กับที่ไม่ได้
– มีปัญหาในการขีดเขียนหรือวาดรูป
– ไม่แสดงความสนใจเมื่อเล่นเกมที่ต้องมีการโต้ตอบหรือเมื่อเล่นบทบาทสมมติ
– เมินเฉยต่อเด็กคนอื่น ๆ และไม่โต้ตอบกับคนภายนอกครอบครัว
– ไม่ยอมให้แต่งตัว ไม่ยอมนอน และไม่ยอมฝึกใช้ห้องน้ำ
– บอกเล่าเรื่องราวที่ตนชอบให้ผู้อื่นฟังซ้ำอีกครั้งไม่ได้
– ทำตามคำบอก 3 ขั้นตอนไม่ได้
– ใช้คำแทนตนเองและผู้อื่นไม่ถูกต้องหรือสลับกัน
– พูดไม่ชัด
– ไม่เข้าใจความเหมือนและความต่างระหว่างสิ่งของ 2 ชนิด
– สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี
เด็กอายุ 5 ขวบ
เป็นช่วงวัยที่เด็กเริ่มพึ่งพาตนเอง เริ่มให้ความสนใจกับคนภายนอกครอบครัว เริ่มอยากออกไปเล่นซุกซน และมีคำถามเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น การอบรมและแนะนำจากครอบครัวจะช่วยหล่อหลอมบุคลิกภาพและความคิดของเด็กต่อไป โดยพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่สังเกตได้ มีดังนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
– การประสานงานของร่างกายดีขึ้น โดยเฉพาะแขน ขา และลำตัว
– เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวและทรงตัวได้ดี ทั้งการกระโดดและการก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง
– ทรงตัวขณะยืนขาเดียวและปิดตาข้างหนึ่งได้ ม้วนหน้าได้
– เล่นชิงช้าและปีนป่ายได้
– มีทักษะในการใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ และเครื่องเขียนต่าง ๆ มากขึ้น
– วาดรูป 3 เหลี่ยมและรูปเรขาคณิตอื่น ๆ ตามต้นแบบได้
– ใช้ห้องน้ำได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
– ใช้ช้อนและส้อมในการรับประทานอาหาร
– มีพัฒนาการด้านการมองเห็นอย่างสมบูรณ์เทียบเท่ากับผู้ใหญ่
– ฟันแท้ซี่แรกเริ่มโผล่ขึ้นมาบริเวณเหงือก โดยเด็กส่วนใหญ่จะมีฟันแท้ซี่แรกงอกพ้นเหงือกเมื่ออายุ 6 ขวบ
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
– เริ่มพูดประโยคที่มี 5 คำขึ้นไป และพูดชัดมากขึ้น
– ใช้คำได้ทุกประเภท ทั้งคำนาม สรรพนาม กริยา บุพบท และคำอื่น ๆ
– แยกแยะความแตกต่างของเหรียญห้า เหรียญสิบ และเหรียญบาทได้
– นับเลขได้ถึง 10 หรือมากกว่านั้น รู้จักชื่อสีมากกว่าเดิมหลายสี
– เขียนตัวอักษรและตัวเลขบางตัวได้ รู้จักหมายเลขโทรศัพท์
– ถามและตอบคำถามที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ เช่น สามารถให้เหตุผลเมื่อถูกถามว่าทำไม เป็นต้น
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
– ต้องการให้เพื่อนพอใจและอยากเป็นแบบเพื่อน
– มีพฤติกรรมก้าวร้าวน้อยลง เข้าใจและยอมทำตามข้อตกลงต่าง ๆ มากขึ้น
– ชอบเต้นและร้องเพลง
– รู้ว่าตนเองและผู้อื่นเป็นเพศใด
– มีความรับผิดชอบมากขึ้นและรู้จักขอโทษเมื่อทำผิด
– ยังคงชอบจินตนาการและเล่นในบทบาทต่าง ๆ แต่แยกแยะระหว่างเรื่องจริงและเรื่องสมมติได้แล้ว
– เลิกกลัวสิ่งที่เคยกลัวมาก่อน เช่น ความมืด สัตว์ประหลาด เป็นต้น
– พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
– แสดงอารมณ์ไม่หลากหลาย ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบผู้อื่น หรือแสดงออกมาเพียงผิวเผิน
– มีพฤติกรรมผิดปกติ อาจหวาดกลัว ก้าวร้าว เศร้า หรือดูขี้อายผิดปกติ
– เฉื่อยชาและแยกตัวผิดปกติไขว้เขวหรือเสียสมาธิง่าย ไม่สามารถจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำได้นานกว่า 5 นาที
– แยกแยะระหว่างเรื่องจริงและเรื่องสมมติไม่ได้
– ไม่เล่นหรือทำกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่วาดรูป
– พูดชื่อจริงและนามสกุลของตัวเองไม่ได้
– ไม่พูดคุยถึงกิจวัตรประจำวันและสิ่งที่ได้พบเจอ
– แปรงฟัน ล้างมือ หรือถอดเสื้อผ้าเองด้วยตนเองไม่ได้
– สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมีไป
ทั้งนี้ การเฝ้าดูพัฒนาการของลูกให้เป็นไปอย่างสมวัยเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีพัฒนาการล่าช้ากว่าที่ควร หรือคาดว่าเด็กอาจมีความผิดปกติใด ๆ ที่แสดงให้เห็นทางพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการเล่น การเรียนรู้ การพูด การกระทำ และการเคลื่อนไหวร่างกาย ควรพาเด็กไปให้แพทย์ตรวจและรับคำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขแต่เนิ่น ๆ
ชื่ออื่น ขี้เห็น (เลย, อุบลราชธานี) ปลู (เขมร-สุรินทร์) คมขวาน ฝรั่งโคก (ภาคกลาง)
สรรพคุณ เปลือกต้น ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยแก้ตานขโมย ช่วยรักษาพิษตานซาง แก้ไข้ แก้อาการท้องเสียได้ แก้บิด แก้เด็กถ่ายเป็นฟอง ช่วยขับพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร นอกจากนี้หมอยาโบราณยังนิยมใช้เปลือกของต้นไข่เน่ามาต้มรวมกับรากเต่าไห้ เพื่อปรุงเป็นยารักษาโรคซางในเด็กและเป็นยาขับพยาธิ, ผล มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงสมอง ช่วยบำรุงกระดูก แก้กระดูกผุสำหรับผู้สูงอายุได้ดี ช่วยรักษาโรคเบาหวาน แก้ตานขโมย เปลือกผล มีสรรพคุณ ช่วยรักษาโรคกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบของเด็กทารก
องค์ประกอบทางเคมี มีสารจำพวกสเตีอรอยด์ (Steroid) ที่มีชื่อว่า sitosterol และ ecdysterone และ anguside (p-hydroxybenzoic ester of aucubin