How should a child's development progress in the first 5 years? ช่วง 5 ปีแรก ลูกต้องมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง

How should a child’s development progress in the first 5 years? ช่วง 5 ปีแรก ลูกต้องมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง

How should a child’s development progress in the first 5 years? ช่วง 5 ปีแรก ลูกต้องมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง

พัฒนาการเด็กเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพัฒนาการวัยทารกและในช่วง 1-5 ปีแรก พ่อแม่ควรเฝ้าดูพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กเติบโตอย่างสมบูรณ์ทุกด้าน หรือหากมีปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้แต่เนิ่น ๆ ดังนั้น พ่อแม่ควรทราบถึงพัฒนาการที่เหมาะสมของลูกน้อยตามช่วงวัย เรียนรู้วิธีส่งเสริมพัฒนาการ และหัดสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อคอยดูแลให้เด็กเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย พัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป เด็กบางคนอาจมีพัฒนาการรวดเร็วหรือช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เด็กส่วนใหญ่มักมีพัฒนาการด้านร่างกาย สติปัญญา ภาษา อารมณ์ และสังคมในแต่ละช่วงอายุ ดังนั้น

เด็กอายุ 18 เดือน หรือ 1.5 ขวบ

เป็นช่วงวัยกำลังหัดเดิน เด็กจะเจริญเติบโตช้าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วง 0-12 เดือนแรก แต่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย การใช้ภาษา การเรียนรู้ การทรงตัว และการประสานงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
พัฒนาการทางร่างกาย
–        เริ่มควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ปัสสาวะและขับถ่ายได้ แต่อาจยังไม่พร้อมต่อการใช้ห้องน้ำ
–        เดินได้โดยไม่ต้องคอยช่วยเหลือ และเริ่มหัดวิ่งแต่ยังไม่ค่อยคล่องตัวหรืออาจหกล้มบ่อย ๆ
–        เดินขึ้นบันไดได้โดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้
–        เริ่มถอดเสื้อผ้าชิ้นที่ถอดออกง่ายได้ด้วยตนเอง เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า เป็นต้น
–        ดื่มน้ำจากแก้วหรือใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้โดยหกเลอะเพียงเล็กน้อย
–        ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่สูงมากได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
–        เปิดหนังสือโดยจับทีละ 2-3 หน้า
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
–        พูดออกมาเป็นคำ ๆ ได้มากขึ้นหลายคำ โดยเป็นคำใหม่ ๆ ที่มีความหมาย และไม่ใช่คำว่าพ่อแม่ ชื่อคนคุ้นเคย ชื่อของ หรือชื่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน
–        พูดพร้อมกับส่ายหัวเพื่อบอกปฏิเสธ
–        ชี้สิ่งของเพื่อบอกว่าอยากได้หรือเพื่อให้ผู้ใหญ่สนใจ
–        เรียนรู้ชื่อและวัตถุประสงค์ของการใช้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แปรงสีฟัน ช้อน โทรศัพท์ เป็นต้น
–        ชี้และระบุชื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือหลาย ๆ ส่วนได้
–        แสดงความสนใจเมื่อเล่านิทานให้ฟังและมองภาพตาม
–        ทำตามคำสั่งง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้ท่าทางประกอบ เช่น ลุกขึ้น นั่งลง เป็นต้น
–        มักเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่
–        เริ่มวาดขีดเขียนบนกระดาษหรือพยายามวาดรูปตามต้นแบบ
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
–        ให้ความสนใจตุ๊กตาและเล่นป้อนอาหารให้ตุ๊กตา
–        ชอบเล่นโดยถือสิ่งของต่าง ๆ ไปยื่นให้คนอื่น
–        อาจแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวหรือโกรธ
–        อาจกลัวคนแปลกหน้า และเกาะติดพ่อแม่หรือผู้ดูแลเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
–        แสดงความกังวลเมื่อต้องแยกจากพ่อแม่หรือคนที่คุ้นเคย
–        แสดงความรักต่อคนที่ตนคุ้นเคย เช่น จูบแบบปากจู๋ เกาะแขน เป็นต้น
–        เดินดูสิ่งต่าง ๆ ตามลำพังได้ แต่ยังอยู่ในระยะใกล้กับผู้ดูแล
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
–        เดินไม่ได้
–        ไม่ชี้สิ่งต่าง ๆ ให้ดู
–        ไม่รู้ว่าสิ่งของที่ใช้เป็นประจำทุกวันคืออะไร หรือใช้เพื่ออะไร
–        ไม่เลียนแบบท่าทางของคนอื่น ๆ
–        ไม่เรียนรู้คำใหม่ ๆ หรือรู้คำศัพท์น้อยกว่า 4 คำ ซึ่งไม่รวมคำเรียกพ่อแม่อย่างปาป๊า มาม้า ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของ
–        ไม่แสดงความสนใจเมื่อพ่อแม่เพิ่งกลับมา หรือดูไม่กังวลเมื่อต้องห่างจากพ่อแม่
–        สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี

เด็กอายุ 2 ขวบ

ในช่วงนี้พ่อแม่อาจเริ่มฝึกให้เด็กเข้าห้องน้ำได้แล้ว เพราะเด็กจะเริ่มรู้ตัวเมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระและแสดงท่าทางว่าต้องการขับถ่าย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเด็กพร้อมต่อการใช้ห้องน้ำและอาจไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมอีกต่อไป รวมทั้งยังมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ ดังนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
–        ยืนเขย่งเท้าได้ และยกสิ่งของขณะยืนได้โดยไม่เสียการทรงตัว
–        เตะและทุ่มลูกบอลโดยยกแขนสูง วิ่งได้คล่องตัวกว่าเดิม
–        ไต่ขึ้นลงเตียงหรือเก้าอี้ได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
–        ขึ้นลงบันได้โดยยังต้องจับราว
–        เปิดลูกบิดประตูได้
–        เปิดหนังสือทีละ 1 หน้าได้
–        เริ่มใส่เสื้อผ้าชิ้นที่สวมใส่ง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง แต่จะถนัดถอดออกมากกว่า
–        วาดเส้นและวงกลมตามต้นแบบได้
–        ต่อบล็อกของเล่นเป็นหอสูง 4 ก้อนได้โดยไม่ล้ม
–        เริ่มมีฟันน้ำนมงอกขึ้นมา
–        มีพัฒนาการด้านการมองเห็นเพิ่มมากขึ้น
–        เด็กจะสูงประมาณครึ่งหนึ่งของความสูงเมื่อโตเต็มที่
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
–        แสดงท่าทางสื่อสารถึงสิ่งที่ตนต้องการได้ เช่น หิว กระหายน้ำ อยากเข้าห้องน้ำ เป็นต้น
–        พูดเป็นวลีสั้น ๆ ที่ไม่ใช่คำนาม 2-3 คำ หรือพูดประโยคสั้น ๆ 2-4 คำ เช่น ร้องเพลง อาบน้ำ หรือกินนม เป็นต้น และพูดซ้ำตามบทสนทนาที่ได้ยิน
–        เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนกว่าเดิม เช่น หยิบบอลและใส่รองเท้า ถอดรองเท้าแล้ววางบนชั้น เป็นต้น
–        เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 50-300 คำ และอาจมากกว่านี้ในรายที่มีพัฒนาการเร็ว
–        รับรู้ต่อสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
–        อาจถนัดใช้มือข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง
–        เริ่มแยกแยะรูปทรงและสีต่าง ๆ ได้
–        ชี้รูปภาพได้ถูกต้องตามคำบอก หรือระบุได้ว่าเป็นรูปอะไร เช่น นก ปลา แมว หมา เป็นต้น
–        จดจำชื่อของคนที่คุ้นเคย และระบุชื่ออวัยวะต่าง ๆ บนร่างกายได้
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
–        เลียนแบบพฤติกรรมและท่าทางของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ใหญ่และเด็กที่โตกว่า
–        ตื่นเต้นและกระตือรือร้นเมื่ออยู่กับเด็กคนอื่น ๆ
–        พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
–        แสดงความดื้อและต่อต้าน โดยทำในสิ่งที่ถูกห้ามหรือเตือน
–        ยังแยกเล่นคนเดียวแม้จะนั่งข้างเด็กคนอื่น แต่ก็เป็นช่วงที่กำลังจะเริ่มเล่นกับเด็กคนอื่น
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
–        เดินไม่มั่นคง หรือไม่คล่องตัว
–        ยังไม่เริ่มพูดเป็นวลีหรือประโยคสั้น ๆ เช่น กินข้าว กินนม อาบน้ำ เป็นต้น
–        ไม่รู้ว่าสิ่งของที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันใช้ทำอะไร เช่น จาน ชาม ช้อน แปรงสีฟัน เป็นต้น
–        ไม่เลียนแบบพฤติกรรม คำพูด หรือคำศัพท์จากผู้อื่น
–        ทำตามคำบอกง่าย ๆ ไม่ได้
–        สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี

เด็กอายุ 3 ขวบ

เด็กช่วงวัยนี้ชอบเล่นสมมติบทบาทต่าง ๆ และมีจินตนาการมาก ทำให้เด็กอาจเกิดความกลัวต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น ความมืด หรือสัตว์ประหลาด เป็นต้น พ่อแม่จึงควรรับฟังอย่างตั้งใจเมื่อเด็กพูดถึงสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งคอยปลอบและอยู่เป็นเพื่อนให้เด็กหายวิตกกังวล
พัฒนาการทางร่างกาย
–        ทรงตัวดีขึ้นกว่าเดิม กระโดดขาเดียวได้ ทรงตัวยืนขาเดียวได้ในเวลาสั้น ๆ
–        วิ่งและปีนป่ายอย่างคล่องตัว ก้าวขึ้นลงบันไดอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องจับราวบันได
–        ใส่และถอดเสื้อผ้าได้ด้วยตนเอง
–        วางวัตถุหรือรูปทรงขนาดเล็กลงล็อกได้
–        ปั่นจักรยาน 3 ล้อได้
–        วาดรูปวงกลมโดยใช้ดินสอหรือดินสอสี
–        มีพัฒนาการทางการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
–        มีฟันน้ำนมครบ 20 ซี่
–        อาจกลั้นปัสสาวะและอุจจาระได้ในตอนกลางวัน บางรายอาจกลั้นได้ในเวลากลางคืนด้วย
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
–        ปฏิบัติตามคำบอก 2-3 ขั้นตอนได้
–        เข้าใจคำบอกตำแหน่ง เช่น ใน บน ข้างใต้ ข้างล่าง เป็นต้น
–        พูดชื่อตัวเอง อายุ และเพศ หรือบอกชื่อเพื่อนได้
–        เริ่มใช้คำสรรพนามแทนตัวเอง หรือระบุลักษณะนามสิ่งของบางอย่างได้
–        พูดสนทนาได้ยาวขึ้น โดยใช้ 2-3 ประโยค และสื่อสารให้คนแปลกหน้าเข้าใจได้
–        เล่นแสดงบทบาทสมมติเป็นเรื่องราว โดยเล่นกับตุ๊กตา สัตว์ หรือคนอื่น ๆ
–        เข้าใจและจดจำตัวเลขได้มากขึ้น
–        วาดรูปวงกลมด้วยดินสอหรือสี
–        เปิดและปิดฝาขวดได้
 
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
–        พยายามเลียนแบบผู้ใหญ่และเพื่อน
–        แสดงความรักต่อเพื่อนโดยไม่ต้องถูกกระตุ้นหรือบอก
–        แสดงความวิตกกังวลเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้
–        รู้จักรอและเปลี่ยนให้เพื่อนเล่นเมื่อถึงคราวของเพื่อน
–        เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ รู้ว่าอันไหนเป็นของตนเองหรือของคนอื่น
–        แสดงอารมณ์อย่างหลากหลายมากขึ้น
–        แยกจากพ่อแม่ได้ง่ายขึ้น ไม่แสดงความวิตกกังวลเหมือนช่วงก่อน
–        อาจหงุดหงิดเมื่อกิจกรรมหลักที่ต้องทำทุกวันมีการเปลี่ยนแปลง
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
–        มีปัญหาในการเดินขึ้นลงบันได
–        มีน้ำลายไหลออกจากปาก
–        พูดเป็นประโยคไม่ได้ หรือพูดไม่ชัดเป็นอย่างมาก
–        ไม่เข้าใจคำบอกหรือคำแนะนำง่าย ๆ
–        เล่นของเล่นง่าย ๆ ไม่ได้
–        ไม่เล่นบทบาทสมมติเป็นผู้อื่น
–        ไม่สบตาคนอื่น
–        สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี

เด็กอายุ 4 ขวบ

เป็นวัยก่อนเข้าเรียนอนุบาล ในช่วงนี้เด็กจะพูดได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจนขึ้น เริ่มวาดรูปหน้าคนและแขนขา เรียนรู้ที่จะกินอาหารได้ด้วยตนเอง เริ่มแยกแยะตัวเลขและสีต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
–        การทรงตัวดีขึ้น กระโดดขาเดียวได้โดยไม่สูญเสียการทรงตัว
–        ทุ่มบอลได้โดยมีการประสานงานของร่างกายที่ดีขึ้น
–        สามารถตัดกระดาษตามรูปภาพโดยใช้กรรไกรได้
–        อาจยังฉี่รดที่นอนอยู่
–        มีพัฒนาการด้านการมองเห็นที่ดีขึ้น
–        นอนวันละ 11 – 13 ชั่วโมง แต่มักไม่นอนกลางวัน
–        สูงขึ้นกว่าตอนแรกเกิด 2 เท่า
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
–        รู้คำศัพท์เพิ่มขึ้น และแต่งประโยค 4-5 คำได้ง่าย ๆ
–        รู้จักสีบางสี เลขบางตัว และเริ่มนับเลขได้
–        พูดชื่อและนามสกุลของตัวเองได้
–        ขี้สงสัยและถามคำถามมากมาย
–        อาจใช้คำที่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจดีพอ และเริ่มใช้คำไม่สุภาพหรือคำหยาบคาย
–        พูดเรื่องราวส่วนตัวของครอบครัวให้คนอื่นฟัง
–        ร้องเพลงง่าย ๆ ได้
–        วาดรูปคนโดยมีใบหน้าและแขนขา
–        พยายามทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
–        เข้าใจเกี่ยวกับหลักการของเวลามากขึ้น
–        แยกความแตกต่างระหว่างวัตถุ 2 ชนิดได้ โดยดูจากขนาดและน้ำหนัก
–        จำเรื่องราวต่าง ๆ ได้บางส่วน
–        ยังไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
–        ชอบและสนุกกับการได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ
–        เล่นบทบาทสมมติที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังไม่อาจแยกระหว่างบทบาทสมมติกับเรื่องจริงได้
–        มักมีเพื่อนในจินตนาการ
–        ชอบเล่นกับเพื่อน ๆ มากกว่าเล่นคนเดียว และเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กคนอื่น ๆ
–        พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ตนชอบและสนใจ
–        อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น
–        แสดงความต่อต้านหากถูกคาดหวังให้ทำสิ่งใดมากเกินไป
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
–        กระโดดอยู่กับที่ไม่ได้
–        มีปัญหาในการขีดเขียนหรือวาดรูป
–        ไม่แสดงความสนใจเมื่อเล่นเกมที่ต้องมีการโต้ตอบหรือเมื่อเล่นบทบาทสมมติ
–        เมินเฉยต่อเด็กคนอื่น ๆ และไม่โต้ตอบกับคนภายนอกครอบครัว
–        ไม่ยอมให้แต่งตัว ไม่ยอมนอน และไม่ยอมฝึกใช้ห้องน้ำ
–        บอกเล่าเรื่องราวที่ตนชอบให้ผู้อื่นฟังซ้ำอีกครั้งไม่ได้
–        ทำตามคำบอก 3 ขั้นตอนไม่ได้
–        ใช้คำแทนตนเองและผู้อื่นไม่ถูกต้องหรือสลับกัน
–        พูดไม่ชัด
–        ไม่เข้าใจความเหมือนและความต่างระหว่างสิ่งของ 2 ชนิด
–        สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี

เด็กอายุ 5 ขวบ

เป็นช่วงวัยที่เด็กเริ่มพึ่งพาตนเอง เริ่มให้ความสนใจกับคนภายนอกครอบครัว เริ่มอยากออกไปเล่นซุกซน และมีคำถามเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น การอบรมและแนะนำจากครอบครัวจะช่วยหล่อหลอมบุคลิกภาพและความคิดของเด็กต่อไป โดยพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่สังเกตได้ มีดังนี้
พัฒนาการทางร่างกาย
–        การประสานงานของร่างกายดีขึ้น โดยเฉพาะแขน ขา และลำตัว
–        เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวและทรงตัวได้ดี ทั้งการกระโดดและการก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง
–        ทรงตัวขณะยืนขาเดียวและปิดตาข้างหนึ่งได้ ม้วนหน้าได้
–        เล่นชิงช้าและปีนป่ายได้
–        มีทักษะในการใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ และเครื่องเขียนต่าง ๆ มากขึ้น
–        วาดรูป 3 เหลี่ยมและรูปเรขาคณิตอื่น ๆ ตามต้นแบบได้
–        ใช้ห้องน้ำได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
–        ใช้ช้อนและส้อมในการรับประทานอาหาร
–        มีพัฒนาการด้านการมองเห็นอย่างสมบูรณ์เทียบเท่ากับผู้ใหญ่
–        ฟันแท้ซี่แรกเริ่มโผล่ขึ้นมาบริเวณเหงือก โดยเด็กส่วนใหญ่จะมีฟันแท้ซี่แรกงอกพ้นเหงือกเมื่ออายุ 6 ขวบ
พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา
–        เริ่มพูดประโยคที่มี 5 คำขึ้นไป และพูดชัดมากขึ้น
–        ใช้คำได้ทุกประเภท ทั้งคำนาม สรรพนาม กริยา บุพบท และคำอื่น ๆ
–        แยกแยะความแตกต่างของเหรียญห้า เหรียญสิบ และเหรียญบาทได้
–        นับเลขได้ถึง 10 หรือมากกว่านั้น รู้จักชื่อสีมากกว่าเดิมหลายสี
–        เขียนตัวอักษรและตัวเลขบางตัวได้ รู้จักหมายเลขโทรศัพท์
–        ถามและตอบคำถามที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ เช่น สามารถให้เหตุผลเมื่อถูกถามว่าทำไม เป็นต้น
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์
–        ต้องการให้เพื่อนพอใจและอยากเป็นแบบเพื่อน
–        มีพฤติกรรมก้าวร้าวน้อยลง เข้าใจและยอมทำตามข้อตกลงต่าง ๆ มากขึ้น
–        ชอบเต้นและร้องเพลง
–        รู้ว่าตนเองและผู้อื่นเป็นเพศใด
–        มีความรับผิดชอบมากขึ้นและรู้จักขอโทษเมื่อทำผิด
–        ยังคงชอบจินตนาการและเล่นในบทบาทต่าง ๆ แต่แยกแยะระหว่างเรื่องจริงและเรื่องสมมติได้แล้ว
–        เลิกกลัวสิ่งที่เคยกลัวมาก่อน เช่น ความมืด สัตว์ประหลาด เป็นต้น
–        พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
ความผิดปกติทางพัฒนาการ
–        แสดงอารมณ์ไม่หลากหลาย ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบผู้อื่น หรือแสดงออกมาเพียงผิวเผิน
–        มีพฤติกรรมผิดปกติ อาจหวาดกลัว ก้าวร้าว เศร้า หรือดูขี้อายผิดปกติ
–        เฉื่อยชาและแยกตัวผิดปกติไขว้เขวหรือเสียสมาธิง่าย ไม่สามารถจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำได้นานกว่า 5 นาที
–        แยกแยะระหว่างเรื่องจริงและเรื่องสมมติไม่ได้
–        ไม่เล่นหรือทำกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่วาดรูป
–        พูดชื่อจริงและนามสกุลของตัวเองไม่ได้
–        ไม่พูดคุยถึงกิจวัตรประจำวันและสิ่งที่ได้พบเจอ
–        แปรงฟัน ล้างมือ หรือถอดเสื้อผ้าเองด้วยตนเองไม่ได้
–        สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมีไป
ทั้งนี้ การเฝ้าดูพัฒนาการของลูกให้เป็นไปอย่างสมวัยเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกมีพัฒนาการล่าช้ากว่าที่ควร หรือคาดว่าเด็กอาจมีความผิดปกติใด ๆ ที่แสดงให้เห็นทางพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการเล่น การเรียนรู้ การพูด การกระทำ และการเคลื่อนไหวร่างกาย ควรพาเด็กไปให้แพทย์ตรวจและรับคำปรึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขแต่เนิ่น ๆ

ชื่ออื่น ขี้เห็น (เลย, อุบลราชธานี) ปลู (เขมร-สุรินทร์) คมขวาน ฝรั่งโคก (ภาคกลาง)
 
สรรพคุณ เปลือกต้น ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยแก้ตานขโมย ช่วยรักษาพิษตานซาง แก้ไข้ แก้อาการท้องเสียได้ แก้บิด แก้เด็กถ่ายเป็นฟอง ช่วยขับพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร นอกจากนี้หมอยาโบราณยังนิยมใช้เปลือกของต้นไข่เน่ามาต้มรวมกับรากเต่าไห้ เพื่อปรุงเป็นยารักษาโรคซางในเด็กและเป็นยาขับพยาธิ, ผล มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงสมอง ช่วยบำรุงกระดูก แก้กระดูกผุสำหรับผู้สูงอายุได้ดี ช่วยรักษาโรคเบาหวาน แก้ตานขโมย เปลือกผล มีสรรพคุณ ช่วยรักษาโรคกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบของเด็กทารก
 
 องค์ประกอบทางเคมี มีสารจำพวกสเตีอรอยด์ (Steroid) ที่มีชื่อว่า sitosterol และ ecdysterone และ anguside (p-hydroxybenzoic ester of aucubin

ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลเด็ก

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top