Abnormal Uterine Bleeding ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

Abnormal Uterine Bleeding ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

Abnormal Uterine Bleeding ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด คืออะไร?

ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก (Abnormal uterine bleeding หรือ AUB) หมายถึง
ภาวะเลือดออกจากโพรงมดลูกโดยมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากระดูปกติ โดยอาจมีความผิดปกติในช่วงระยะห่างระหว่างรอบ ระยะเวลาที่มีเลือดออก หรือปริมาณเลือดที่ออก หรือพบหลายลักษณะร่วมกัน ถือได้ว่าเป็นภาวะที่พบได้บ่อยถึง 1 ใน 3 ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์

การวินิจฉัยแยกโรค

ปัจจุบันมีการแยกสาเหตุของภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดให้เป็นระบบและเป็นที่ยอมรับ
ตามมาตรฐานสากลมากขึ้น คือการจำแนกตาม International Federation of Gynecology and Obstetrics Menstrual Disorders Committee (FIGO MDC) ที่ใช้เป็นอักษรย่อแทนสาเหตุต่างๆ คือ “PALM-COEIN” ซึ่งได้จำแนกออกเป็น 2 สาเหตุหลักคือ

1. สาเหตุจากการที่มีพยาธิสภาพจำเพาะ (Structural causes) ซึ่งส่วนใหญ่มักจะตรวจพบได้จาก
การทำ Imaging และ/หรือการตรวจทางพยาธิวิทยา ซึ่งก็คือ PALM ที่มีความหมายดังนี้
• P = Polyps หรือ ติ่งเนื้อ
• A = Adenomyosis หรือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
• L = Leiomyoma (Submucosal, others) หรือ เนื้องอกมดลูก
• M = Malignancy & hyperplasia หรือ มะเร็ง

2. สาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติอื่นๆ ที่ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติทางพยาธิวิทยาได้ หรือ Nonstructural causes ซึ่งใช้คำย่อคือ COEIN ที่มีความหมายดังนี้
• C = Coagulopathy หรือ การแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
• O = Ovulatory dysfunction หรือ การทำงานของรังไข่ที่ผิดปกติ
• E = Endometrial origin/causes หรือ ความผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก
• I = Iatrogenic causes หรือ โรคหมอทำ
• N = Not yet classified หรือ ไม่ทราบสาเหตุ

รอบระดูปกติเกิดขึ้นได้อย่างไร มีฮอร์โมนอะไรเกี่ยวข้องบ้าง ?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจการเกิดรอบระดูปกติก่อนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงจะเข้าใจความผิดปกติที่เกิดขึ้น ซึ่งจะกล่าวในย่อหน้าถัดไป
การเกิดรอบระดูของสตรีที่มีรอบระดูปกติทุก 28 วันนั้น พบว่าในช่วงระยะประมาณ 14 วันนับตั้งแต่เริ่มมีระดูวันแรก เรียกว่า follicular phase จะเริ่มมีการพัฒนาของฟองไข่ ซึ่งทำให้มีการเพิ่มขึ้นของระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) กระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น (proliferative endometrium) ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการหลั่ง follicle-stimulating hormone (FSH) และ luteinizing hormone (LH) เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของ dominant follicle และมีการตกไข่ในที่สุด สำหรับ follicle ที่มีการตกไข่จะถูกเรียกว่า corpus luteum ซึ่งจะเป็นตัวสร้างฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน (progesterone) ช่วยปรับเปลี่ยนเยื่อบุโพรงมดลูกหนาที่ตัวขึ้นให้พร้อมสำหรับรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่มีการฝังตัวของตัวอ่อนก็จะไม่มีการสร้าง human chorionic gonadotropin (hCG) ก็จะเกิดการฝ่อตัวของ corpus luteum ระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนก็จะลดลงทำให้เกิดการหดรัดตัวของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงมดลูก เกิดการขาดเลือดและหลุดลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก กลายเป็นประจำเดือนในที่สุด ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ไข่ตกจนถึงเริ่มมีประจำเดือนรอบใหม่จะใช้เวลาทั้งสิ้น 14 วัน เรียกว่า luteal phase

ความผิดปกติของรอบระดู

เมื่อเข้าใจการทำงานของร่างกายในสภาวะปกติแล้ว จากนี้จะอธิบายความผิดปกติของระดูว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ระดูปกติของแต่ละบุคคลนั้นจะมีปริมาณและระยะห่างแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ โดยทั่วไประยะห่างระหว่างรอบระดูปกตินั้นจะอยู่ในช่วง 21-38 วัน ปริมาณเลือดที่ออกจะประมาณ 5-80 มิลลิลิตร และระยะเวลาที่มีระดูเฉลี่ยประมาณ 4.5-8 วัน ดังนั้น หากเลือดที่ออกไม่เหมือนกับรอบเดือนปกติก็จะถือว่าเป็นความผิดปกติของรอบระดูได้

คำศัพท์เกี่ยวกับระดูที่ผิดปกติ

รูปแบบของความผิดปกติของเลือดที่ออกนั้นได้มีการนิยามศัพท์เพื่อให้เข้าใจความหมายได้ตรงกัน ดังนี้

Heavy menstrual bleeding ใช้กับกรณีที่ระยะห่างระหว่างระดูปกติหรือมาสม่ำเสมอ แต่ปริมาณมากกว่าปกติ (มากกว่า 80 มิลลิลิตรต่อรอบระดู) หรือจำนวนวันที่ระดูมานั้นมากกว่าปกติ ปัจจุบันนำมาใช้แทนคำว่า menorrhagia ที่ใช้กันในอดีต ซึ่งเป็นระดูที่มาตรงรอบปกติแต่ทั้งจำนวนวันมานานกว่าปกติรวมถึงปริมาณระดูที่มานั้นมากกว่าปกติทั้งสองอย่างร่วมกัน ทำให้มักเกิดความสับสนในการสื่อความหมายอยู่เสมอ

Intermenstrual bleeding เป็นภาวะที่มีเลือดออกหลังจากที่ระดูหยุดไปแล้วหลายวัน หรือเกิดระหว่างรอบระดู มักจะมีปริมาณไม่แน่นอน ที่พบได้บ่อยก็คือ cyclic midcycle intermenstrual bleeding ซึ่งจะมีเลือดออกทางช่องคลอดแบบกะปริดกะปรอยในระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงที่มีการตกไข่
โดยสามารถพบได้ถึงร้อยละ 9 ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ ทั้งนี้เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน
ในช่วงตกไข่

Prolonged menstrual bleeding หมายความถึง การมีเลือดออกนานกว่าปกติ ส่วนใหญ่นิยมใช้จำนวนวันที่เป็นนานกว่า 7 วันขึ้นไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วปริมาณจะไม่มากเกินในแต่ละวันตลอดระยะเวลาที่มีเลือดออกผิดปกตินั้นๆ แต่อาจก่อให้เกิด iron deficiency anemia ได้ในระยะยาว

Irregular bleeding หรือ ovulatory dysfunction จะมีเลือดออกผิดปกติที่มีปริมาณและระยะเวลาที่ไม่แน่นอน ไม่เป็นรูปแบบที่ชัดเจน ซึ่งอาจจะสัมพันธ์กับการขาดระดูมาก่อนหน้านี้

Frequent uterine bleeding หมายถึง การมีระยะห่างของรอบระดูสั้นกว่า 24 วัน

Infrequent uterine bleeding หมายถึง การมีระยะห่างของรอบระดูมากกว่า 38 วัน
นอกจากนี้ยังมีคำจำกัดความความผิดปกติของรอบระดูอื่นๆ อีก ได้แก่

Postmenopausal bleeding คือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดระหว่างในสตรีที่หมดระดูไปแล้ว
Amenorrhea คือ การที่ไม่มีเลือดระดูมาเลยอย่างน้อย 3 เดือนในผู้ป่วยที่เคยมีรอบระดูสม่ำเสมอหรืออย่างน้อย 6 เดือนในผู้ป่วยที่รอบระดูไม่สม่ำเสมอ

สรุป

แค่นี้ก็อาจทำให้คุณผู้อ่านบางท่านรับความรู้ไปไม่ไหวแล้ว จึงขอสรุปว่า ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยปัญหาทางด้านนรีเวช ดังนั้น คุณผู้หญิงท่านใดที่มีความผิดปกติของระดูไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ หากพบความผิดปกติจะรักษาได้อย่างทันท่วงที

ผลิตภัณฑ์แนะนำที่ช่วยดูแลภายในสตรี

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top